จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

คอลัมน์ ข่าวสดสุขภาพ

จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม – สมาคมพยาบาลกองทัพบก ร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก และกองการพยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จัดงานประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2562 ในโอกาสครบรอบ 56 ปี วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ในหัวข้อ “ทิศทาง ประเด็น และแนวโน้มวิจัยนวัตกรรมทางการพยาบาลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ” โดยมีแพทย์ และนักวิจัยร่วมบรรยายให้ความรู้กับพยาบาลที่เข้าร่วมงานประชุมกว่า 600 คน ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ชั้น 10 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

โดย นพ.ธีรวีร์ หงส์หยก อาจารย์จักษุแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา โรงพยาบาลราชวิถี บรรยายในหัวข้อ “การดูแลสุขภาพดวงตา…วัยทำงานยุคดิจิทัล” เปิดเผยว่า ในประเทศไทยสามารถพบอุบัติการณ์โรคทางดวงตา และอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของคนในการใช้สายตาเปลี่ยนไป รวมทั้งการละเลยการดูแลดวงตาต่อเนื่องเป็นเวลานาน

จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

นพ.ธีรวีร์ หงส์หยก บรรยายหัวข้อการดูแลสุขภาพดวงตาในวัยทำงานยุคดิจิทัล

นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มคนทำงานเป็น กลุ่มคนที่เกิดอาการผิดปกติกับดวงตามากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มคนที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันไปกับการจ้องจอไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต และ Gadgets ต่างๆ ซึ่งพบมากถึงร้อยละ 70 ของผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และพบได้มากขึ้นในคนที่อายุมากกว่า 40 ปี ทำให้เกิด Computer Vision Syndrome เกิดอาการผิดปกติ เช่น อาการล้าตา ตาแห้ง แสบตา แพ้แสงสู้แสงไม่ได้ ปวดศีรษะ ปวดคอ บ่า ไหล่ ร่วมด้วย

จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

นอกจากนี้ แสงสีฟ้า (Blue Light) ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงจากจอคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต Gadgets ต่างๆ และรังสียูวีจากแสงแดดที่เข้าสู่ดวงตา ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์จอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อยๆ เสื่อมลง หากไม่ดูแลและปรับพฤติกรรมการใช้สายตา จะทำให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมในที่สุด

ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บรรยายในหัวข้อ “อาหารและโภชนาการสร้างเสริมสุขภาพดวงตา” ว่า สารอาหารที่ช่วยดูแลดวงตาให้มีสุขภาพดี และลดความเสี่ยงในการเกิดโรครวมทั้งอาการผิดปกติกับดวงตานั้น มีข้อแนะนำของ National Eye Institute สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การรับประทานลูทีน 10 มิลลิกรัม ร่วมกับซีแซนทีน 2 มิลลิกรัม เป็นปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ เพราะช่วยกรองแสง ตลอดจนรังสีต่างๆ

จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืช บรรยายถึงสารอาหารที่ช่วยสงเสริมสุขภาพดวงตา

ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างลูทีนและซีแซนทีนได้เอง ต้องได้รับจากอาหารที่รับประทานเท่านั้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นลูทีนและซีแซนทีนในจอประสาทตาจะมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ

โดยลูทีนพบมากในหน่อไม้ฝรั่งและบร็อกโคลี่ ส่วนซีแซนทีนพบมากในพริกหวานสีส้ม ข้าวโพด น้ำส้ม และองุ่นเขียว แต่ต้องรับประทานจำนวนมากเพื่อให้ได้ลูทีนและซีแซนทีนที่ช่วยลดความเสี่ยง ปัจจุบันอาหารเสริมจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยม

นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพดวงตา เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ดีเอชเอ และแอนโธไซยานิน เป็นต้น ที่ช่วยในการมองเห็น เพิ่มความชุ่มชื้นของตา ปกป้องสายตาจากแสงแดด และชะลอความเสื่อมของเลนส์ตา

จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

สารอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

 

จักษุแพทย์เตือน‘ติดจอ’ เสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

หนุ่มสาวออฟฟิศใช้เวลาอยู่หน้าจอต้องเผชิญแสงสีฟ้าตลอดวัน

ผศ.ดร.เอกราชกล่าวต่อว่า นอกจากการรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตาแล้ว ควรปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตาอยู่หน้าจอ โดยใช้กฎ 20-20-20 คือทุก 20 นาทีควรละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ผ่อนคลายสายตาด้วยการมองวัตถุอื่นๆ ที่ห่างออกไปประมาณ 20 ฟุต กะพริบตาต่อเนื่องเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง รวมทั้งลุกขึ้นเดินไปรอบๆ บริเวณที่นั่งอยู่ประมาณ 20 ก้าว เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีและยืดอายุดวงตาให้เสื่อมช้าลง

เริ่มดูแลดวงตาตั้งแต่วันนี้ เพราะเรามี ดวงตาเพียงคู่เดียวที่ต้องอยู่คู่เราไปตลอดชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน