เที่ยว‘สุคิริน’ วิ่งบาลาเทรล
เที่ยว‘สุคิริน’ วิ่งบาลาเทรล – “นราธิวาส” อุดมด้วยวัฒนธรรม และธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แห่งดินแดนสุดปลายด้ามขวานไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวซุกซ่อนเสน่ห์และความหลากหลายไว้มากมาย
ทริปนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พามาเปิดเส้นทางสายที่ อ.สุคิริน คำว่า “สุคิริน” เป็นชื่อพระตำหนักที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเมื่อครั้งเสด็จประทับแรมในพื้นที่นี้
มีความหมายว่า “พันธุ์ไม้อันเขียวชอุ่ม” สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขา ป่าไม้ พืชพันธุ์ไม้นานาชนิด
เริ่มกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ที่วังน้ำเขียว “บ้านไอปาร์โจ” บรรยากาศไอเย็นชื้นจากดินและแม่น้ำ เก็บภาพวิวสวยๆ ก่อนเดินทางไปยัง “สวนลุงสุข” บ้านภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง ชมสวนผลไม้หลากชนิด ทั้งเงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด
หรือจะเป็น “ลูกลังแข” ผลไม้ประจำถิ่นหายาก หน้าตาคล้ายมังคุด รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
เก็บแรงพักผ่อนกันเต็มที่แล้วเตรียมตัวให้พร้อม ซ้อมให้ถึง กับงานวิ่งเทรล “BALA TRAIL RUNNING 2019” จากการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวโอท็อป นวัตวิถี ที่ผลักดันการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
ต่อยอดมาสู่การจัดการแข่งขันบาลา เทรล รันนิ่ง การแข่งขันวิ่งวิบากที่ได้รับความสนุกแบบครบรส บทพิสูจน์ความอึดแกร่งของนักวิ่ง ที่ไม่กลัวร้อน ไม่กลัวป่า ไม่กลัวการวิ่งไต่ขึ้นทางชัน และทางลาดลงแบบคลุกฝุ่น
กระแสตอบรับในปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าแข่งขัน 450 คน ปีนี้ขยับขึ้นเป็น 720 คน โดยมีนักวิ่งชาวไทยจากทั่วประเทศ และชาวต่างชาติเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
เส้นทางการวิ่งเทรลจัดขึ้นที่บ้านยาเด๊ะ ต.มาโมง อ.สุคิริน วิ่งผ่านหมู่บ้าน เลียบแม่น้ำสายบุรี เข้าป่า วิ่งขึ้นเขากาแย สูงกว่าระดับน้ำทะเล 350 เมตร จากนั้นข้ามแม่น้ำ ผ่านน้ำตก เข้าสวนผลไม้
ตลอดเส้นทางแทบไม่มีถนนให้เดินอย่างสบายๆ และบางจุดยังเป็นที่ลาดชันยากต่อการเดินทาง ต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนในการเคลื่อนไหว เพิ่มสมาธิพร้อมเผชิญกับความตื่นเต้นตลอดเส้นทาง
นายสุไลมาน เจ๊ะแม ผู้บุกเบิกการแข่งขัน กล่าวว่าสีสันของการจัดกิจกรรมนี้ คือเส้นทางวิบากเต็มไปด้วยความท้าทายจากอุปสรรคของสภาพภูมิศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในรูปแบบของการวิ่งเทรล
ภาพที่จะได้เห็นคือน้ำใจ และมิตรภาพใหม่ๆ จะเกิดขึ้นตลอดเส้นทางแม้ไม่รู้จักกัน การแต่งกายที่แปลกตาด้วยชุดเป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคล วิ่งอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ของป่าฮาลา บาลา
ที่สำคัญคือ การรวมตัวอย่างเข้มแข็งของชาวบ้านในพื้นที่ในฐานะเจ้าของบ้าน จัดเตรียมสำรับอาหารและที่พัก พร้อมบริหารจัดการทุกอย่างให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือสร้างความประทับใจ เพื่อจะได้มีโอกาสต้อนรับการกลับมาของนักวิ่ง และนักท่องเที่ยวที่มาร่วมกิจกรรมอีกครั้งในโอกาสต่อไป
ผ่านไปแล้วกับกิจกรรมตื่นเต้นท้าทาย มาเปลี่ยนเป็นบรรยากาศร่มรื่นที่ “ป่าสยาเปลี่ยนสี” ถนนหมายเลข 4062 แล้วเดินเท้าลุยเข้าป่าเพื่อชม “ต้นกะพงยักษ์” ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา บาลา ผืนป่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอเมซอนแห่งเอเชีย
“ต้นสมพง” หรือชาวบ้านเรียกว่าต้นกะพงยักษ์ เป็นไม้หวงห้ามยืนต้นขนาดใหญ่ราว 30 คนโอบ ต้องเดินลัดเลาะเข้าไปตามโขดหินข้างลำห้วย มีสภาพลงเนินและสูงชันสลับกันไป ปกคลุมด้วยป่าดงดิบ
หากโชคดีระหว่างทางอาจได้พบกับมาสคอตประจำถิ่นอย่าง “นกเงือก” นกป่าหายาก สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า โดยในป่าฮาลา บาลานี้ พบถึง 9 ใน 12 ชนิดของนกเงือกที่พบในไทยเลยทีเดียว
กิจกรรมเรียกเหงื่อแต่อิ่มอกอิ่มใจยังไม่จบเท่านี้ สองมือจับกระจาด แล้วไปต่อกันที่ฝั่งลุ่มแม่น้ำอย่าง “กิจกรรมร่อนทอง” แม่น้ำสายบุรี อ.สุคิริน เป็นที่ตั้งของเหมืองทองโต๊ะโมะ แม้ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว แต่ยังคงมีแร่ทองคำบริสุทธิ์ไหลมาทับถมกันเบื้องล่างให้ชาวบ้านได้ร่อนทองหารายได้เสริม
นั่งอยู่ในแม่น้ำเย็นสบายแล้วร่อนทองในมือไปด้วย เสร็จแล้วเก็บทองที่ได้ติดตัวกลับบ้านไปได้เลย จากนั้นปิดท้ายกิจกรรมเหมืองทอง ด้วยการเยี่ยมชม “อุโมงค์ลำเลียง” ในอดีตเคยเป็นอุโมงค์ที่ใช้ขุดหาแร่ทองคำจากเหมืองทองโต๊ะโมะ
นอกจากนี้ นราธิวาสยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ทั้งสนุกและผ่อนคลาย อย่าง ภาพจิตรกรรมฝาผนัง “สตรีต อาร์ต สุไหงโก–ลก” ที่อ.สุไหงโก–ลก “ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร” หรือ “ป่าพรุโต๊ะแดง” และ “พิพิธภัณฑ์เมืองนราธิวาส” แหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ทางวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์ จ.นราธิวาส
โดย – นิชานันท์ นิวาศะบุตร
