ปีใหม่กับ‘บัตรทอง’ เร่งขยายสิทธิประโยชน์

ปีใหม่กับ‘บัตรทอง’ เร่งขยายสิทธิประโยชน์ – ข่าวดีรับ ‘ปีหนู’ สำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทองกว่า 48 ล้านคน เพราะนอกจากในปี 2563 กองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติจะได้รับงบประมาณ 1.91 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 8 พันล้านบาทแล้ว ยังเตรียมพัฒนาระบบและขยายสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า แนวโน้มการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในปี 2563 จะเน้นในเรื่องเพิ่มความสะดวกในการรับบริการ และขยายสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งจากที่ครอบคลุมครบทุกด้านอยู่แล้วให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

ปีใหม่กับ‘บัตรทอง’ เร่งขยายสิทธิประโยชน์

โดยเฉพาะในเรื่องของการลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งมีหลายเรื่องที่จะต่อยอดดำเนินการต่อ เช่น การขยายการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับและการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งจะขยายจำนวน โรงพยาบาลที่ดำเนินการได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากโรงพยาบาลใดมีความพร้อมก็ยื่นเรื่องเข้ามา สปสช.ก็จะดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งจะสร้างความสะดวกให้แก่ผู้ป่วย เพราะเจ็บตัวน้อย ฟื้นฟูเร็ว กลับไปทำงานได้ไว ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ส่วนโรคที่จะสามารถผ่าตัดแบบวันเดียวกลับหรือส่องกล้องได้นั้น จะเพิ่มจาก 12 รายการ เป็น 24 รายการ

นพ.ศักดิ์ชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ จะเดินหน้าในเรื่องของการรับยาผ่านร้านขายยา ซึ่งปี 2562 อยู่ในช่วงเริ่มต้น เมื่อมีการประเมินผลการดำเนินการในปี 2563 ก็จะมีความชัดเจนขึ้นในนโยบายนี้ ขณะที่เรื่องใหม่ที่น่าจะเริ่มได้ในช่วง ม.ค.2563 คือ การรองรับการมารับบริการนอกเวลาราชการ ในเรื่องของการแยกห้องฉุกเฉิน ซึ่งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เห็นชอบแล้ว โดยจะเริ่มนำร่องใน 34 โรงพยาบาล ที่จะแยกการเจ็บป่วยที่เร่งด่วนของประชาชน แต่ไม่ได้เข้าข่ายฉุกเฉินทางการแพทย์ โดยจะจ่ายค่าชดเชยให้สถานพยาบาล 150 บาทต่อครั้ง ก็จะช่วยลดความแออัดของห้องฉุกเฉินลงได้ ขณะที่การบริหารจัดการงบประมาณ ก็เพิ่มอัตราจ่ายค่าบริการผู้ป่วยใน จาก 8,050 บาทต่อค่า น้ำหนักสัมพัทธ์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า 1 น้ำหนักโรค ก็เพิ่มขึ้นเป็น 8,250 บาทต่อ 1 น้ำหนักโรค ดังนั้น อย่างการผ่าตัดไส้ติ่งที่อยู่ประมาณ 1.6 น้ำหนักโรค หาก ร.พ.ให้บริการก็จะได้เงินชดเชยบริการประมาณหมื่นกว่าบาท หรือหากเป็นโรคที่ยุ่งยาก เช่น มะเร็ง ที่มีค่าเป็น 10 กว่า ก็จะคูณเข้าไปเป็นอัตราจ่ายให้แก่โรงพยาบาล

ปีใหม่กับ‘บัตรทอง’ เร่งขยายสิทธิประโยชน์

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา

นพ.ศักดิ์ชัยกล่าวว่า นอกจากนี้จะเน้นเรื่องของการ ส่งเสริมป้องกันโรค เพื่อลดการเจ็บป่วยและการมารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งสปสช.จะอาศัยกลไกการเงินในการสนับสนุนโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดยเฉพาะผ่านกองทุนสุขภาพตำบล ซึ่งทาง สปสช.ออกคนละครึ่งกับส่วนท้องถิ่น คือ 45 บาทต่อหัว อย่างกรุงเทพมหานคร หรือกทม. มีงบประมาณเป็นพันล้านบาท ก็จะส่งเสริมให้มีการทำโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในชุมชนเพิ่มมากขึ้น

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะเพิ่มเติมในปี 2563 นพ.ศักดิ์ชัยกล่าวว่า หลักๆ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ

1.ประชาชนทุกกลุ่มวัย ได้เพิ่มสิทธิยาจำเป็นที่มีราคาแพงหรือบัญชียา จ(2) คือ ยาออกทรีโอไทด์ แอซีเทต สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคอะโครเมกาลี ที่ได้รับการผ่าตัด เนื้องอกหรือฉายแสงแล้วแต่ระดับฮอร์โมน GH และ IGF ยังสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคหายากที่มีความรุนแรงสูง มีอัตราเสียชีวิตสูง 2-4 เท่าของคนปกติ การขยายระบบดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง จากเดิมเฉพาะผู้สูงอายุสิทธิบัตรทอง ก็ให้ครอบคลุมคนไทยทุกกลุ่ม ทั้งประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ การจัดระบบการรักษาโรค หายาก ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยกลุ่มเสี่ยง การตรวจยืนยัน การรักษาพยาบาล และการติดตามผลการรักษา รวมถึงค่าพาหนะรับส่งต่อส่งกลับ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้ป่วย และการให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้ยังไม่ติดเชื้อก่อนมีการสัมผัสเชื้อเอชไอวี หรือ ยาเพร็พ (PrEP) สำหรับกลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิ 2,000 ราย เริ่ม 1 ม.ค. 2563

2.กลุ่มเด็ก เพิ่มสิทธิยาริทูซิแมบ สำหรับรักษา ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด NHL ในเด็ก ซึ่งพบบ่อยที่สุดในไทย เพิ่มสิทธิวัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรตาหรือวัคซีนโรตา ในทารกอายุ 2-6 เดือน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการป่วยอุจจาระร่วงในเด็ก ตอนนี้มีการจัดซื้อวัคซีนเข้ามาแล้ว และทยอยส่งไปยัง ร.พ.ต่างๆ คาดว่า ม.ค.นี้ ก็น่าจะเริ่มทยอยให้แก่เด็กๆ ได้ ซึ่งวัคซีนนี้ยังไม่ได้เป็นวัคซีนพื้นฐาน แต่เราให้เป็นสิทธิทุกปีแก่เด็ก การเพิ่มรายการเคลือบฟลูออไรด์ในเด็กอายุ 4-12 ปี และเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กอายุ 6-12 ปี

3.ผู้หญิง เพิ่มการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA test ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ตรวจพบผู้ป่วยในระยะแรกเริ่มเพิ่มขึ้นและเข้าสู่การรักษาได้เร็วก่อนลุกลาม ช่วยลดอุบัติการณ์และการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก และส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปากสำหรับหญิงตั้งครรภ์

4.ผู้ต้องขัง เพิ่มตรวจคัดกรองวัณโรคผู้ต้องขังในเรือนจำให้ได้รับการรักษาทันที ลดการแพร่เชื้อ

นับเป็นอีกก้าวของบัตรทองที่พัฒนาขึ้นมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน