จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’

คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ – ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกและเสื้อจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ เมด อิน ไทยแลนด์ วางขายและขายดีอยู่ที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ยามนี้ต้องยกให้ผลงาน กลุ่มใบไม้บ้าน คีรีวง แห่งจังหวัดนครศรีธรรมราช

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

เสื้อแจ๊กเกตตัวสวยอวดสายตาชาวโลก

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

ผ้ามัดย้อมตากอยู่กลางธรรมชาติ

หลังจากคิงเพาเวอร์เปิดตัวเสื้อแจ๊กเกตผ้ามัดย้อม ในนัดดวลกับทีมลิเวอร์พูล วันบ๊อกซิ่งเดย์ ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

บ้านคีรีวง ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช อยู่ท่าม กลางสภาพแวดล้อมธรรมชาติร่มรื่น เป็นพื้นที่ที่ยังอุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้ อากาศดี วิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่สะท้อนถึงการอยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชมอากาศบริสุทธิ์ที่บ้านคีรีวงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

เปิดตัวเสื้อจากบ้านคีรีวง

นอกจากธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมี “กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง” ผลิตผ้ามัดย้อมใช้ สีธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกบทบาทหนึ่งของชาวบ้านในชุมชนที่รวมตัวกันสร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ไม่ทำลายธรรมชาติ

สีธรรมชาติที่นำมาย้อมผ้ามาจากใบไม้ เปลือกไม้ หรือผลไม้มาสกัด ย้อมผ้าฝ้ายที่มัดลายตามความชอบ เป็นการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม รักษาต้นไม้ เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในชุมชน เป็นสินค้าของประเทศ ไทยส่งออกไกลไปถึงต่างประเทศ

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

อุไร ด้วงเงิน ประธานกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง

อุไร ด้วงเงิน อายุ 53 ปี ประธานกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง เล่าว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อนเจ้าหน้าที่คิงเพาเวอร์ติดต่อเข้ามาเพื่อให้เราผลิตงานส่งให้เขา แต่สถานการณ์ตอนนั้นเรายังไม่พร้อม จึงไม่รับทำ แต่ก็ได้เตรียมการวางแผนต่อว่าจะรับงานนั้นได้หรือไม่ พร้อมหาทางแก้ปัญหาต่างๆ หากได้รับโอกาสอีกครั้ง กระทั่งกลางปี 2562 ทางดีไซเนอร์คิงเพาเวอร์ติดต่อมาว่าเขาจะออกแบบแล้วให้เราผลิต หลังมีการพูดคุยและประเมินความเป็นไปได้ จึงมีความมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ว่าทำได้ จึงรับงานของคิงเพาเวอร์

ผลตอบแทนที่ได้รับก็มีตามที่เรายื่นข้อเสนอไป เขาก็รับทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งคิงเพาเวอร์เขาอยากช่วยชุมชน อยากให้คนไทยมีโอกาส เนื่องจากหัตถกรรมของภาคใต้นั้นยากมากที่จะก้าวสู่ตลาดโลก เพราะเป็นกลุ่มเล็กๆ และมีข้อจำกัดหลายเรื่องในการรวมกลุ่มกัน จากจุดนี้เราจึงหาทางแก้ปัญหาล่วงหน้าก่อนจะรับงานนี้ หลังรับงานแล้วก็มีการออกแบบมากกว่า 10 แบบที่เรารับผลิต และจะมีออร์เดอร์ตามมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีคอลเล็กชั่นของบ้านคีรีวงไปอยู่ในร้านของคิงเพาเวอร์ด้วย ซึ่งมีสินค้าจำหน่ายทั้งในอังกฤษ และเมืองไทย

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

ร้านขายสินค้าที่สโมสรเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

“ที่ผ่านมามีหลายบริษัทติดต่อมาแต่ไม่รับ แต่มีห้างเซ็นทรัลติดต่อมาเมื่อปี 2561 ทำในนามของจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสินค้าพรีเมียม แจกลูกค้าซึ่งมีจำนวนเยอะเหมือนกัน ที่รับครั้งแรกก็เพื่อประชาสัมพันธ์เมืองนคร เป็นสินค้าของฝากจากเมืองนครให้กลุ่มลูกค้าของเซ็นทรัล ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2558 มีจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ติดต่อมาเพื่อให้กลุ่มใบไม้ผลิตงานให้ แต่ตอนนั้นประเมินตัวเองแล้วว่าเรายังไม่มีความพร้อมหลายๆ ด้าน ซึ่งกลุ่มใบไม้นั้นไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นหลัก แต่มองว่าจะทำอย่างไรให้ก้าวไปข้างหน้า พัฒนาสังคม และต้องอยู่ได้ด้วย”

ประธานหญิงเล่าถึงความเป็นมาของกลุ่มว่า ทำมาตั้งแต่ปี 2539 หลังกลับจากกรุงเทพฯ มาทำสวน แต่รายได้ไม่พอต่อการดำรงชีพ ทำให้คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงมีแนวคิดทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ โดยเชิญอาจารย์คนหนึ่งจากภาคอีสานมาอบรม หลังจากนั้นจึงตั้งชื่อกลุ่ม “ใบไม้บ้านคีรีวง” ในปี 2541 ทำมาเรื่อยๆ พร้อมวางแผนระยะยาว คือ “เดินช้าๆ แต่มั่นคง” โดยมีชาวบ้านมารวมกลุ่ม มีฝ่ายย้อมผ้า มีฝ่ายตัดเย็บ และฝ่ายงานทั่วไป ทุกอย่างมีกระบวนการมาช่วย ซึ่งทำมาร่วม 20 ปี จึงมีแนวคิดต่อไปว่าผ้ามัดย้อมของกลุ่มใบไม้คีรีวงต้อง “โกอินเตอร์”

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

เสื้อผ้ามัดย้อมขายอยู่ที่ร้านกลุ่มใบไม้ฯ

“เหมือนกับเด็กที่เรียนหนังสือ จบแล้วต้องรับปริญญา หรือการทำงานก็ต้องมีเป้าหมายทั้งงานที่ต้องให้คนรู้จักและรายได้ แต่ละปีจะมีโครงการเรื่องพัฒนาเด็ก การศึกษาของเด็ก และงานวิจัยที่ออกมา 2-3 ปีจะร่วมกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาต่างๆ รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวด้วย ตนมองว่าชุมชนต่างๆ ถ้าทำการท่องเที่ยวแล้วไม่มีของที่ระลึกก็เป็นปัญหา ชาวบ้านไม่ได้อะไรเลย ดังนั้น บ้านคีรีวงต่างๆ กับที่อื่นคือมีสถานที่ท่องเที่ยว มีของที่ระลึกคือผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งนอกจากนี้แล้วกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวงยังมีการผลิตส่งต่างประเทศด้วย”

จากสภาพเศรษฐกิจโลกวิกฤตเราก็ได้มองกลับว่าจะอยู่กันอย่างไร แต่ยังมีความคิดที่จะทำต่อไปคือเรื่องดีไซเนอร์ คนหนุ่มสาวที่จบมาในด้านนี้จะไปรับใช้บริษัทต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสสร้างผลงานของตัวเองคู่กับงานชาวบ้าน ทำแต่ภาคอุตสาหกรรม ไม่มองชุมชน ไม่ได้เอาวัตถุดิบในชุมชนมาออก แบบเพื่อต่อยอดในระยะยาว ซึ่งเป็นงานหนึ่งที่ตนคิดและกำลังทำ

“ภูมิใจที่ทำให้สินค้าชุมชนของจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป้าหมายไม่ใช่ตัวเงิน แต่การสู่โกอินเตอร์ในนามนครศรีธรรมราชที่เราได้ตั้งเป้าและถึงจุดนี้แล้ว” ปธ.กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวงกล่าว

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

อัยยวัฒน์ – อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา

ด้าน อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า ความใส่ใจในเรื่อง สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และร่วมรณรงค์ให้ช่วยกันลด ละ การทำลายธรรมชาติ บริษัทคิง เพาเวอร์ตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงสนับสนุนสินค้าไทยที่ใช้สีธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาแล้ว จำนวน 3 คอลเล็กชั่น

สำหรับคอลเล็กชั่นที่ 4 เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช มีชื่อคอลเล็กชั่นว่า From Leaves to Lively Thai Dye Collection เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับชุมชนบ้านคีรีวง และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอีกหนึ่งผลงานแห่งความภาคภูมิใจที่เราได้ร่วมเป็นคู่คิด และคู่ค้ากับชุมชน เพื่อชูจุดแข็ง และภูมิปัญญาของชาวไทยที่เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นผลงานอันงดงาม

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

จากใบไม้สู่คอลเล็กชั่นน่าตื่นตา

“เราตั้งใจผลิตคอลเล็กชั่นพิเศษจากฝีมือคนไทยทุกปี หมุนเวียนเปลี่ยนชุมชนไปตามภาคต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ๆ น่าสะสม โดยเข้ามาสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจผู้บริโภค และตอบโจทย์กับตลาดต่างประเทศ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือชุมชนให้สามารถสร้างอาชีพได้อย่างยั่งยืนจากความถนัดของตัวเอง

กว่า 30 ปีแล้วที่คิง เพาเวอร์ได้เข้าไปช่วยพัฒนาสินค้าชุมชนทั่วทุกภูมิภาค เราอยากมีส่วนช่วยสร้างอาชีพ และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนต่างๆ ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง ให้พวกเขามีช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง นำไปสู่การกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามความมุ่งหวังของคิง เพาเวอร์ ที่อยากเห็นคนไทยได้แสดงความสามารถในระดับสากล ด้วยความเชื่อมั่นว่าคนไทยทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก” บอสใหญ่ของคิง เพาเวอร์กล่าว

กว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สุดสวย

สินค้าในคอลเล็กชั่นนี้ทำจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติทั้งหมด ใช้เทคนิคการมัด หรือพับด้วยวัสดุที่มีความทนทาน อย่างแผ่นไม้ ก้อนหิน แล้วมัดด้วยเชือกฟาง เชือกกล้วย หรือหนังยางให้แน่น เพื่อกันสีซึมผ่าน หลังจากนั้นจึงนำไปย้อมสีธรรมชาติตามต้องการ ออกมาเป็น 4 สีหลัก ได้แก่ สีเทาอมน้ำเงิน จากใบคราม สีส้มอมชมพู จากใบมังคุด สีเหลือง จากใบหูกวาง และสีน้ำตาลอ่อน จากฝักสะตอ

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

กรรมวิธีประกอบด้วย

1.การเตรียมน้ำด่าง ซึ่งทางบ้านคีรีวงใช้น้ำด่าง 2 ชนิด คือ น้ำด่างขี้เถ้าจากการเผาไม้ยางพารา และน้ำด่างขี้เถ้าจากเปลือกหอยแครงเผา

2.การเตรียมน้ำย้อมสี โดยนำส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ ดอกไม้ มาต้มไว้ 5-8 ชั่วโมง กรองเฉพาะน้ำสีด้วยผ้าขาวบาง แยกกากออกมา เพื่อนำไปมัดย้อมต่อไป

3.การฟอกผ้า โดยนำผ้าฝ้ายมาฟอกก่อน โดยต้มกับน้ำเปล่า หรือน้ำด่างขี้เถ้าจากไม้ยางพาราเพื่อชะล้างคราบแป้ง และไขมันที่เกาะอยู่บนผ้า แล้วซักด้วยน้ำเปล่า บิดพอหมาด เพื่อนำไปมัดลายต่อไป

4.การมัดลาย เทคนิคการมัดลายที่ใช้มี 3 วิธี คือ

จาก‘บ้านคีรีวง’ถึง‘เลสเตอร์ซิตี้’ คอลเล็กชั่นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ

วิธีที่ 1 การมัดแล้วพับ เป็นการพับผ้าให้เป็นรูปต่างๆ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ผลที่ได้ คือ ลวดลายที่มีลักษณะด้านซ้าย และขวามีความใกล้เคียงกัน โดยผ้ามีสีอ่อนด้านหนึ่ง และสีเข้มอีกด้านหนึ่ง

วิธีที่ 2 การขยำแล้วมัด เป็นการขยำผ้าอย่างไม่ตั้งใจ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ลวดลายที่ได้จะเป็นลวดลายอิสระ การขยำผ้าแต่ละครั้งไม่สามารถควบคุมการทับซ้อนของผ้าได้ ดังนั้น จึงได้ลวดลายที่ไม่ซ้ำแบบ

วิธีที่ 3 การห่อแล้วมัด เป็นการใช้ผ้าห่อวัตถุต่างๆ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ลายที่เกิดจะเป็นลายใหญ่ หรือเล็กขึ้นอยู่กับวัตถุที่นำมามัด เช่น การนำผ้ามามัดด้วยก้อนหิน รูปทรงแปลกๆ นำมามัดไขว้ไปมา เว้นจังหวะของการมัดให้มีพื้นที่ว่างเพื่อให้สีซึมเข้าไปได้ ซึ่งการมัดด้วยวิธีนี้จะเกิดความสวยงามแปลกตากว่าการมัดด้วยวิธีอื่นๆ

5.การย้อม นำผ้าที่มัดลายแล้วไปต้มกับน้ำสีที่เตรียมไว้ 3 ชั่วโมง โดยใช้เตาไร้ควัน และทุก 1 ชั่วโมง นำผ้ามัดย้อมล้างในน้ำด่าง หรือน้ำขี้เถ้า หรือน้ำโคลนแดง หรือน้ำปูน แล้วย้อมสีอีกครั้ง เมื่อย้อมเสร็จ นำไปผึ่งในที่ร่ม แล้วเข้าสู่กระบวนการตัดเย็บต่อไป

นุจรี แรกรุ่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน