4 อาการผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว

หอบเหนื่อยง่ายใจสั่นมือเท้าเขียว

4 อาการผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว – การดูแลหัวใจให้สดใสแข็งแรงเป็นเรื่องสำคัญ

นพ.เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้ชำนาญด้านหัตถการปฏิบัติรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด กล่าวว่า จากสถิติของโรคหัวใจแต่กำเนิดพบว่าประมาณ 1 ใน 1,000 ของเด็กเกิดใหม่เป็นโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2 เท่า โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของการพัฒนาการของหัวใจของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มีการพัฒนาของผนังกั้นหัวใจที่ไม่สมบูรณ์ มีรูรั่ว ทำให้เลือดแดงไหลจากหัวใจห้องบนซ้ายไปห้องบนขวาและผ่านไปปอดเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจโตผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ หากรูรั่วมีขนาดเล็กอาจยังไม่แสดงอาการ เมื่ออายุมากขึ้นอาการที่ผิดปกติก็จะแสดงออกมา หากปล่อยไว้อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนถึงหัวใจล้มเหลวได้ การสังเกตตนเองหรือไปพบอายุรแพทย์หัวใจเพื่อตรวจเช็กโดยละเอียด คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รักษาได้ทันเวลาและลดผลแทรกซ้อน

สัญญาณเตือนโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วประกอบด้วย 4 อาการดังนี้ 1.หอบ 2.เหนื่อยง่าย 3.ใจสั่น 4.มือเท้าเขียวหรือม่วง

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเริ่มมีอาการ ขณะบางรายมีโอกาสเป็นอัมพาตได้เนื่องจากลิ่มเลือดจากห้องหัวใจห้องขวามีโอกาสหลุดผ่านผนังที่รั่วไปยังหัวใจห้องบนซ้ายและขึ้นไปยังหลอดเลือดสมองได้ คนไข้บางรายที่รูรั่วมีขนาดใหญ่และความดันหลอดเลือดแดงปอดสูงจะมีอาการเหนื่อยมาก ริมฝีปาก มือและเท้าเขียวหรือม่วง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

การตรวจวินิจฉัยทำได้โดยการฟังเสียงหัวใจและการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจความถี่สูง (Echocardiogram) โดยส่งคลื่นเสียงเข้าไปในทรวงอกแล้วรับเสียงที่สะท้อนออกมาไปแปลงเป็นภาพให้เห็นบนจอภาพ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ผนังกั้นห้องหัวใจ และลิ้นหัวใจว่าปกติ และการตรวจ Echocardiogram เป็นการตรวจหาโรคหัวใจแต่กำเนิดที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเหนื่อยง่ายหรือแน่นหน้าอกได้ และช่วยให้อายุรแพทย์โรคหัวใจสามารถกำหนดแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง

การรักษาโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วชนิด รอยรั่วตรงกลางผนัง ผู้ป่วยมีรูรั่วขนาดเล็กมากมีโอกาสที่รูจะปิดได้เองแต่ก็มีเพียงส่วนน้อย หากรูที่รั่วมีขนาดเล็กและไม่มีอาการหรือส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันอาจไม่ต้องรักษา แต่ถ้ารูที่รั่วนั้นมีขนาดปานกลางตั้งแต่ 1 เซนติเมตร (..) จนถึง 3.6 ..ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นรูขนาดใหญ่

ถ้ารูที่รั่วมีขนาดมากกว่า 36 มิลลิเมตร หรือมีรูรั่วหลายรู ในรายที่มีโรคหัวใจอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว ต้องพิจารณาร่วมกับศัลยแพทย์ทรวงอกเพื่อผ่าตัดรักษาต่อไป

ในรายที่มีขนาด ลักษณะกายวิภาค และพยาธิสภาพของรูรั่วระหว่างผนังกั้น ห้องหัวใจของผู้ป่วยเหมาะสม แพทย์สามารถรักษาด้วยเทคนิคสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อดีคือ ไม่ต้องดมยาสลบ ลดความเสี่ยงและลดความเจ็บปวดจากการผ่าตัด แผลบริเวณขาหนีบมีขนาดเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว ใช้เวลาในการทำประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง หลังการรักษาผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาลประมาณ 3 วัน และจะนัดติดตามอาการเป็นระยะๆ เช่น 1 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี

การรักษาโดยเทคนิคสายสวนนี้สามารถปิดรูรั่วได้ ประมาณ 98% และพบภาวะแทรกซ้อนได้น้อยกว่า 2% ข้อควรระวังและการดูแลตัวเองของคนไข้หลังการรักษาด้วยการใช้อุปกรณ์อุดรูรั่วได้แก่ ห้ามยกของหนักประมาณ 1 เดือน งดออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงระยะ 3 เดือนแรก รับประทานยาต้านเกล็ดเลือดตามที่แพทย์สั่งประมาณ 3-6 เดือน และคุมกำเนิดเป็นเวลา 1 ปีในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ รวมถึงกินยาป้องกันการติดเชื้อ (Infective endocarditis prophylaxis) ในช่วง 6 เดือนแรก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน