สื่อในวิกฤตโควิด-เศรษฐกิจและโลกที่เปลี่ยนไป
สื่อในวิกฤตโควิด-เศรษฐกิจและโลกที่เปลี่ยนไป – ทั้งผู้รู้และผู้ไม่รู้ทั้งหลาย มีความเห็นสอดคล้องต้องกันประการหนึ่งว่า
หลังจากวิกฤตการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19 ผ่านไป
โลกจะไม่เหมือนเดิม
แล้วอะไรที่จะไม่เหมือนเดิม
ชัดเจนเป็นรูปธรรมและถูกพูดถึงกันมากที่สุดก็คือ
ชีวิตที่จะเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น
อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
จากการขังตัวเองอยู่กับบ้านเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส (social distancing) และการทำงานจากบ้าน
นี่เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั้งโลก
รวมทั้งประเทศไทย
ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือทั่วโลก ต้องขยายบรอดแบนด์และจำนวนข้อมูลการใช้ให้กับลูกค้า
ตามปริมาณการใช้และความต้องการที่สูงขึ้น
ในสหรัฐอเมริกา
เพียงชั่วสัปดาห์แรกของการกักตัวเองอยู่ในที่อยู่อาศัย
ยอดการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ของ 3 เจ้าใหญ่ที่ให้บริการ (มีวอลมาร์ท เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่และมากที่สุดในสหรัฐรวมอยู่ด้วย)
เพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวไปทุกเจ้า
และที่น่าสนใจก็คือกว่าครึ่งของจำนวนผู้หันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
คือกลุ่มที่มีอายุเกิน 50-60 ปีขึ้นไป
ตัวเลขนี้บ่งชี้ว่า เมื่อถึงเวลาจำเป็น-คับขัน “อายุ” ที่เคยเป็นข้อจำกัดของธุรกิจหรือวิทยาการ
ก็ไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป
วันข้างหน้า อินเตอร์เน็ตและโลกออนไลน์ซึ่งเป็นพื้นที่ของ “วัยรุ่น”
ก็อาจไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไป
ในเมืองไทย
เพียงแค่เดือนแรกของการระบาดของไวรัส
กสทช. แถลงว่า ปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นโซเชี่ยลทั้งหลาย
เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ขณะที่ในเดือนมกราคม 2563 ยอดการใช้งานเฟซบุ๊กอยู่ที่ 352.05 เมกะไบต์/คน/วัน
ทวิตเตอร์ 21.47 เมกะไบต์/คน/วัน
ไลน์ 23.95 เมกะไบต์/คน/วัน
ยูทูบ 401.28 เมกะไบต์/คน/วัน
พอถึงเดือนกุมภาพันธ์
ยอดการใช้เฟซบุ๊กเพิ่มเป็น 682.29 เมกะไบต์/คน/วัน หรือ 93.80%
ทวิตเตอร์ 78.68 เมกะไบต์/คน/วัน เพิ่ม 266.43%
ไลน์ 60.90 เมกะไบต์/คน/วัน เพิ่ม 154.26%
ยูทูบ 731.11 เมกะไบต์/คน/วัน เพิ่ม 82.19%
ขณะที่ตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยผ่านออนไลน์ก็ขยับขึ้นด้วย
โดยภาพรวมในเดือนกุมภาพันธ์ มีการใช้งานเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมร้อยละ 478.59
แยกยี่ห้อออกมา
ลาซาด้าในเดือนมกราคมอยู่ที่ 3.78 เมกะไบต์/คน/วัน
กุมภาพันธ์อยู่ที่ 8.37 เมกะไบต์/คน/วัน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 121.529
Shopee มกราคมอยู่ที่ 7.17 เมกะไบต์/คน/วัน
กุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 41.48 เมกะไบต์/คน/วัน
จะลองพยายามติดตามตัวเลขจากบริษัทมาทีหลัง
ว่าลูกค้าที่เพิ่มขึ้นนั้นกลุ่มไหน ครอบคลุมทุกช่วงอายุหรือยัง
แต่ปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตที่มากขึ้น
จนผู้ให้บริการต้อง “ขยายถนน” เพิ่ม
เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัด
และ กสทช. ไปจัดหาอินเตอร์เน็ตฟรีเพิ่มให้ผู้ใช้บริการ
ยืนยันความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ชัดเจน
นี่แค่สถิติที่ผ่านมาเฉพาะกุมภาพันธ์เท่านั้น
ถ้ายังต้องอยู่บ้าน ยังทำงานทางไกลต่อไปอีกหลายเดือน
พฤติกรรมในชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรอีก
ยังต้องติดตามกันต่อ
แต่ที่แน่ๆ วันนี้ ไทยครองสถิติคนอยู่หน้าจอและใช้อินเตอร์เน็ตสูงที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว
ด้วยจำนวน 9 ช.ม. 38 นาที/วัน
นำหน้าอันดับสองและสามอย่างอินเดีย (7 ชั่วโมงกว่าๆ)
และสหรัฐ (6 ชั่วโมง)
ไปไกล
ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งก็คือในช่วงตั้งแต่การเริ่มระบาดของโรค จนถึงการเริ่มกักตัว
และความเดือดร้อนเรื่องปากท้องเริ่มปรากฏชัด
ปริมาณการบริโภค “สื่อออนไลน์” ก็เพิ่มขึ้นมามหาศาลเหมือนกับการใช้อินเตอร์เน็ตอื่นๆ
ปัจจุบัน ใน 10 อันดับแรกของเว็บไซต์ยอดนิยมในเมืองไทย
เป็นเว็บข่าวเสีย 7-8 อันดับ
และที่น่าชื่นใจ (สำหรับพวกเราในเครือข่าวสด-มติชน-ประชาชาติธุรกิจ) ก็คือ
เว็บไซต์ของทั้งสามหนังสือพิมพ์ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกนี้มาร่วมเดือนแล้ว
ด้วยฐานคนอ่านที่เพิ่มขึ้นด้วย
นี่บอกอะไร
นอกจากบอกว่า พฤติกรรมการบริโภคข่าวของคนเปลี่ยนไป (หลังจากที่มีแนวโน้มชัดเจนมาแล้วหลายปี) เหมือนกับพฤติกรรมการครองชีวิตอื่นๆ แล้ว
ยังบอกว่า ในเวลาวิกฤต คนทั่วไปจะพยายามเสาะแสวงหาข่าวที่เชื่อถือ ไว้วางใจได้
ไม่ได้อวดอ้างว่าดีเด่นกว่าใคร หรือทำอะไรดีไปหมดหรอกนะครับ
แต่ดีใจที่ความพยายาม ความทุ่มเท ความอยู่ในร่องในรอยของเพื่อนร่วมงานทุกท่านผลิดอกออกผล
เมื่อเวลาของความเปลี่ยนแปลงมาถึง
ในช่วงที่วิกฤตโควิด-19 ซ้อนทับกับวิกฤตเศรษฐกิจ
สื่อก็เช่นเดียวกับอีกหลายๆ ธุรกิจ
คือถูกคลื่นของวิกฤตกระแทกเอาจนซวนเซ
ที่ต้องโยนผ้าขอลงจากเวทีไปก่อนก็มี
ที่ยังอยู่แบบ “กลืนเลือด” โดยหวังว่าวันหนึ่งเมื่อพายุผ่านไป จะสามารถกลับลุกขึ้นมายืนใหม่ก็มาก
แต่ในขณะที่ต้องพยายามประคับประคองเอาตัวรอดในทางธุรกิจให้ได้
หน้าที่และงานประจำก็ต้องทำไปทุกวันทุกนาที
ให้บกพร่องน้อยที่สุด
หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น คือต้องพัฒนาให้ก้าวเคียงคู่ไปด้วยกันกับรสนิยม ความต้องการ และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้อ่านผู้ชม
ยิ่งในช่วงเวลาของวิกฤต ความคาดหวังต่อสังคมที่มีต่อสื่อ ว่าจะสามารถไขข้อข้องใจ ข้อสงสัย และความกังวล ก็มากขึ้นตามธรรมชาติ
โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่ความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต
การพัฒนาทั้งเนื้อหา เทคนิค รวมไปถึงการทำความรู้จัก ผู้ชมผู้อ่านผ่านฐานข้อมูลจำนวนมหาศาล
เป็นความท้าทายทั้งของวิชาชีพและธุรกิจ
ไม่ว่าโควิดจะยังอยู่ จะผ่านไป
วิกฤตเศรษฐกิจจะลากยาวขนาดไหน
ธุรกิจก็ต้องเอาให้รอด
หลักการและหน้าที่ก็ต้องรักษา
หวังว่าทั้งท่านผู้อ่านผู้ชมและเรา จะสามารถฟันฝ่าผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ด้วยความบอบช้ำน้อยที่สุด
เพื่อจะหลุดจากวิกฤตหนึ่ง โดยไม่ตกลงไปในอีกวิกฤตที่ อ้าแขนรออยู่
ด้วยความปรารถนาดีและความเชื่อเช่นนั้นอย่างจริงใจ
ฐากูร บุนปาน