นางแบบตัวน้อย

โดย…”ขึ้นหนึ่งค่ำ”

นางแบบตัวน้อย – ครั้งแรกตอนน้องอายุประมาณ 8 เดือน มีหลายคนชมมิลกี้ว่าน่ารัก แม่เลยลองส่งรูปมิลกี้ไปนิตยสารฉบับหนึ่ง และได้รับการโทรแจ้งกลับมาว่า สามารถให้น้องไปถ่ายลงคอลัมน์ได้ เป็นคอลัมน์ ประดิษฐ์ของเล่นเด็ก ความที่มิลกี้เป็นเด็กที่เข้ากับคนยาก แม่กลัวนะ กลัวทุกสิ่ง ลูกจะถ่ายได้ไหม จะงอแงไหม ทีมงานจะไล่กลับไหม สารพัด แต่ทีมงานน่ารักมาก หลอกล่อเก่งมาก ยิงชัตเตอร์รัว ๆ ไม่นาน ก็เสร็จงานและได้ภาพสวยสมใจค่ะ

งานที่ 2 แคสงานผ้าอ้อมเด็กค่ะ งานนี้แม่ว่าโหดมาก ที่โหดคือทีมงานนะคะ แม่ไปเช้าได้คิวแรกพอเข้าไปแคส ทีมงานสั่งให้ถอดเสื้อผ้าเด็กให้หมด แต่ข้างในหนาวมาก

เราห่วงลูกสารพัด กลัวเค้าไม่สบาย เพราะเย็นเกินไป เลยยกเลิกเลยค่ะ เพราะทีมนี้ คือ สั่งให้เด็กนอนก็ต้องนอน ตื่นก็ต้องห้ามงอแง เออ ในความคิดแม่คือ โหดไปไหม ก็เลิกค่ะ เก็บของกลับบ้านทันที
จากนั้นก็เริ่มมีงานอื่นๆ เข้ามาเรื่อย ๆ

ตอนมิลกี้เข้าเตรียมอนุบาล เธอชอบเต้นมาก เพราะปกติเราอยู่บ้าน เราจะร้อง เล่น เต้น กันแบบไม่อายใคร

แม่ไม่ใช่แม่ แต่เราเป็นเพื่อนกับเค้า ทำให้เค้ารู้สึกสนุกสนาน และไม่เขินในการทำกิจกรรมทุกแบบกับเราค่ะ เพลงไหนฮิต ๆ มิลกี้จะรู้จักเป็นคนแรกเลย ได้ยินเพลงปุ๊บ จะเต้นเลย ซึ่งตอนมีกีฬาสีโรงเรียนจะให้น้องเตรียมอนุบาลออกมาเต้น และครูเปิดเพลงกังนัมสไตล์

เพื่อน ๆ ในห้องมี 10 กว่าคนค่ะ แต่มิลกี้เต้นอยู่คนเดียว เธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักของครูและเพื่อน ๆ ในโรงเรียนมาตั้งแต่ตอนนั้น

จากนั้นทุกการแสดงที่โรงเรียนจัด มิลกี้จะได้เลือกให้อยู่ด้านหน้าเสมอ เพราะตัวเล็กและเต้นเก่งนี่แหล่ะค่ะ

แต่เวลามีกิจกรรมโรงเรียน เนื่องจากมิลกี้เป็นเด็กที่ติดแม่มาก เห็นแม่ไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นแม่จะร้องไห้ อยากจะมาหาทันที ดังนั้นเวลามีกิจกรรมการแสดงที่โรงเรียน แม่ต้องหลบหลังเสาบ้าง หลบหลังพ่อๆ แม่ๆ คนอื่นที่มาดูการแสดงบ้าง

มีอยู่ครั้งหนึ่ง มิลกี้ยืนเต้นบนเวที เกิดเห็นแม่ เท่านั้นแหล่ะค่ะ ยังไม่ครึ่งเพลงเลย เธอร้องไห้อยู่บนเวที จะลงมาหาแม่ พี่เลี้ยงอยู่ข้างเวที น่าจะกระซิบบอกว่า ต้องเต้นให้จบเพลงก่อน ถึงจะลงไปหาแม่ได้ หรืออะไรสักอย่าง มิลกี้ก็ร้องไห้ไป เต้นไป จนจบเพลงค่ะ ทุกคนปรบมือกันเสียงดัง ขำในความตลกของมิลกี้ค่ะ

ด้วยความที่มิลกี้ชอบงานการแสดงมาก แต่เรากลับมองว่า อาชีพนี้ไม่มั่นคง มันเป็นอาชีพที่หาเงินได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ห่วงเรื่องความปลอดภัย การดูแลตัวเองและอีกหลายๆ อย่าง

แม่จะย้ำนักย้ำหนากับลูกเสมอ สิ่งที่สำคัญคือคอยให้คำปรึกษาและเป็นเสาหลักให้เค้าอุ่นใจค่ะ อนาคตเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เราไม่รู้ล่วงหน้า แต่ทุกสิ่งคือ เราวางแผนได้ แต่ต้องเป็นในสิ่งที่เค้าชอบ ในสิ่งที่เค้าทำแล้วมีความสุข ไม่ขัดศีลธรรมค่ะ ถ้าเราเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านจิตใจได้ อนาคตเค้าจะไม่เขวค่ะ

ลูกชอบเต้น เลยเริ่มจากการให้เรียนเต้น Jazz Dance พอสักพักก็เริ่มเบื่อ เพื่อนก็แนะนำให้ไปเรียนยิมนาสติก ซึ่งมิลกี้ก็ชอบมาจนทุกวันนี้

เราสนับสนุนทุกอย่างที่ลูกสนใจ เอ่ยปากขอ เขาเป็นเด็กชอบกิจกรรมแสดงออก เรียนว่ายน้ำ เรียนวาดรูป ทำศิลปะ เรียน Hip Hop เรียนลีลาศ เรียนระบำหน้าท้อง แม่อยากให้เธอลองในหลาย ๆ ทาง ให้ค้นหาตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเธอชอบอะไร ชอบตรงไหน เพื่อให้เป็นทางเลือกของตัวเองในอนาคตค่ะ

สิ่งที่ภูมิใจที่สุดในตัวมิลกี้คือ ทุกครั้งที่เราพาเค้าไปทำงาน ถ่ายโฆษณา เล่นละคร เดินแบบ ทุกอย่างในงานมีอุปสรรค และความยากลำบากทั้งนั้น ทุกงานแม่จะพยายามอยู่ด้วย เพื่อปลอบใจและให้กำลังใจ เค้าสามารถทำภารกิจที่เค้าท้อได้สำเร็จ ทุกครั้งเราจะสอนเค้าเสมอว่า ลูกเห็นไหม …

นางแบบตัวน้อย

สิ่งที่หนูบ่นว่าไม่อยากทำ หนูท้อ หนูทำไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่หนูเลือกจะทำมันตั้งแต่ต้น สุดท้ายวันนี้หนูทำได้แล้ว หนูลองคิดย้อนกลับไป วันที่ซ้อม ฝึกฝน หลายครั้งที่หนูบ่นท้อ แต่พอวันนี้หนูทำได้ หนูมีความสุข หนูภูมิใจกับตัวเองได้จริงไหม เราสอนจากการกระทำ สอนให้เค้าเห็นสัจธรรม เค้าจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันได้ค่ะ

มาคิดย้อนไปไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเลี้ยงลูกมาได้จนถึงทุกวันนี้ จะสิบปีแล้วสินะ คิดแค่นี้ก็ภูมิใจมากแล้วค่ะ

แม่ป้อมน้องมิลค์กี้


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน