ในโอกาสรำลึกวันทรงราชย์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 9 มิ.ย. 2489 มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ จัดทำสารคดีพิเศษ ชุด “พระราชดำริไร้พรมแดน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระอัจฉริยภาพด้านการพัฒนามนุษย์ที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลก โดยแถลงเปิดตัวที่สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ อาคารสยามทาวเวอร์

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากนานาประเทศในฐานะ “นักพัฒนาผู้ประสบ ความสำเร็จ” เนื่องด้วยแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาบนพื้นฐานความเข้าใจและเข้าถึงสภาพภูมิสังคม รากฐาน และวิถีชีวิต ประสบความสำเร็จในประเทศไทย จึงมีหลายประเทศน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ตามภูมิสังคมและสภาพปัญหา เพื่อแก้ไขความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ปรากฏผลสัมฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์

ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขานุการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ กล่าวว่า ชาวไทยบางส่วนอาจจะรับรู้แค่ว่าพระองค์ทรงช่วยเหลือแต่ในประเทศไทย แต่ความจริงพระราชดำริของพระองค์กระจายไปช่วยเหลือทั้งหมด 37 ประเทศ หลายประเทศประสบความสำเร็จไปแล้ว บางประเทศกำลังเริ่มทำ จึงเป็นที่มาของสารคดี “พระราชดำริไร้พรมแดน” ศาสตร์พระราชาสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ซึ่งสหประชาชาติเพิ่งทำมาได้ 17 ปี แต่พระองค์ทรงทำมาตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์

“การดำเนินงานของมูลนิธิ น้อมนำหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยมูลนิธิจะเข้าไปสอบถามปัญหาและความต้องการของชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ เราจะถามจากผู้นำหมู่บ้านเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องขึ้นทุกหลังคาเรือน ก่อนนำมาสรุปว่าปัญหาส่วนรวมร้อยละ 75 ขึ้นไปคืออะไร จากนั้นจึงเอากลับมาหาว่าศาสตร์พระราชาจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง”

ม.ร.ว.ดิศนัดดากล่าวต่อว่า เราไม่ได้ใช้แค่ศาสตร์พระราชาเพียงอย่างเดียว แต่ประยุกต์กับศาสตร์สากลและปราชญ์ชาวบ้านด้วย เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาให้ประสบผลสำเร็จมากที่สุด สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่นำวิธีแก้ปัญหาไปให้เขาแล้ว กลับ แต่เราต้องทำต่อเนื่อง โดยติดตามผลและช่วยเขาจนเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงนำคนของเขาที่ได้รับการเลือกจากชุมชนมาฝึกกับเราจนเข้าใจทักษะถ่องแท้ แล้วให้เขากลับไปพัฒนา ระหว่างนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิประจำอยู่ที่นั่นตลอดการดำเนินงาน

อย่างที่ อ.เยนันชอง ชุมชนที่ยากจนที่สุดในประเทศเมียนมา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมถ์ไปประจำอยู่ 6 ปี เมื่อก่อนชาวบ้านใช้เวลาไปเอาน้ำกว่า 8 ชั่วโมง แต่ตอนนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง โดยเราต่อท่อน้ำจากใต้ดินขึ้นไปให้เขา ทำอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง และยังมีปัญหาชาวบ้านถูกงูกัดเสียชีวิต เพราะใช้เวลานานกว่าจะไปถึงโรงพยาบาล มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำเซรุ่มจากสภากาชาดไทยไปให้เขา ก่อนจัดตั้งกองทุนเซรุ่มแก้พิษงูเพื่อช่วยคนที่ถูกงูกัด พบว่าจนถึงขณะนี้ช่วยชีวิตชาวเมียนมาได้ 83 คน คุณภาพชีวิตชาวบ้านดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ในฐานะที่เป็นราษฎรไทยควรรับชมสารคดีชุดพิเศษนี้ เพราะจะได้รับความรู้หลายเรื่อง ประการแรกคือจะได้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจไว้อย่างไรบ้าง สองคือจะได้รู้ว่าต่างประเทศมาขอความช่วยเหลือจากเรา แล้วนำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติและปรับใช้ได้ประโยชน์อย่างไร สุดท้ายคือพวกเราในฐานะลูกหลานของพระองค์ จะได้ภาคภูมิใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีคุณูปการใหญ่หลวงทั้งต่อประเทศไทยและทั่วโลก” เลขานุการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ทิ้งท้าย

สารคดี “พระราชดำริไร้พรมแดน” เดินทางไปถ่ายทำในประเทศต่างๆ หลายภูมิภาคของโลก รวม 7 ประเทศ ได้แก่ ภูฏาน เมียนมา ลาว กัมพูชา ติมอร์เลสเต จอร์แดน และ ศรีลังกา ถ่ายทำด้วยระบบภาพความละเอียดสูงจำนวน 12 ตอน จัดทำเป็นภาษาไทยและอังกฤษ รับชมได้ในเดือน มิ.ย. เป็นต้นไปในหลายช่องทาง อาทิ สถานีโทรทัศน์ช่องนาว 26, อมรินทร์ทีวี, สปริงนิวส์, ทีเอ็นเอ็น, ทรูโฟร์ยู, เว็บไซต์ข่าวในเครือมติชน, เว็บไซต์ครอบครัวข่าว ช่อง 3 และเครือข่ายเอเชีย นิวส์ เน็ตเวิร์ก ในเอเชีย 20 ประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน