คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

พี่สมภพแกเป็นคนเก่ง มีความสามารถมาก พูดอะไรถูกไปหมด และที่สำคัญกล้าพูดด้วย อย่างหลังนี่แหละที่ใครบางคนบอกอาจเป็นเหตุให้แก “หายไป”

ผมเป็นยามรุ่นน้องพี่สมภพหลายปี แต่ก็ได้ทำงานร่วมกันในฐานะยามรักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งร่วมกันหกเดือนเต็ม ก่อนที่บริษัทจะย้ายแกกับผมไปที่อื่นตามนโยบายไม่ให้ใครอยู่ที่ไหนนานเกินหกเดือน สามวันสุดท้ายนั่นเองที่แกหายไป ก่อนหน้านี้เราก็เคยทำงานบริษัทแห่งเดียวกันในตำแหน่งพนักงานการตลาด แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540-2542 ทำให้บริษัทกับพวกเราเจ๊งกันไปเป็นแถว ไม่มีงานทำแต่ท้องต้องกิน ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนต่างไปสมัครงานพนักงานรักษาความปลอดภัยบริษัทเดียวกัน ตอนเจอหน้ากันผมจำได้ เราถึงกับหัวเราะให้กัน เพราะถึงเราจะจบปริญญาตรีมาด้วยกันทั้งคู่ แต่เราก็ใช้วุฒิการศึกษามอหกมาสมัคร และเราก็ไม่บอกใครแม้แต่ตอนสมัครในเรื่องพวกนี้

แต่อุปนิสัยก็คืออุปนิสัย มันแก้ไม่ได้หรอก พี่สมภพแกเก่ง ฉลาด จับประเด็นเก่ง มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง ตีโจทย์แตก แกไปวิจารณ์การทำงานและเรื่องทุจริตของหัวหน้าและผู้บริหารเข้า ถึงแม้จะมีการตรวจสอบและผลเป็นจริง หัวหน้ายามคนนั้นและผู้บริหารบางคนถูกตำรวจจับเข้าคุก แต่พี่แกก็ต้องเจอกับสภาวะ “หาย” จนได้

มีคนบอกว่าแกมาลาออก ด้วยเหตุผลเบื่อ ไม่อยากทำ บางคนบอกแกได้งานใหม่ บางคนบอกได้ยินมาว่าแกบ่นเรื่องเงินเดือนไม่พอเลี้ยงลูกเมีย แต่ผมไม่เชื่อหรอก

เรื่องแกเงียบหายไปนานจนผมไม่เจอแกมายี่สิบกว่าปีได้ ทุกวันนี้ผมเพิ่งกลายเป็นเจ้าของบ้านจัดสรรที่ตัวเองเคยเป็นยาม บริษัทยามที่ว่าก็กลายมาเป็นของผม หลังผมออกจากงานยามก็ทำธุรกิจขายผลไม้ส่งออก จนทำให้ผมพลิกฟื้นคืนชีพและมีเงินทองมากมายกว่าเดิม ผมมีเงินมาเทกโอเวอร์บริษัทยามก็ด้วยเหตุผลไม่กี่ข้อ

ข้อแรก ตอนที่ผมตกต่ำที่สุดในชีวิตผมมาทำงานที่นี่และที่นี่ก็รับเข้าทำงาน ผมผูกพันไม่น้อย ข้อสองนี่เชื่อมโยงกับข้อแรก คือบริษัทเขากำลังล้มละลาย พูดง่ายๆ จะเจ๊ง ผมไม่อยากให้เจ๊งจึงเข้ามาซื้อกิจการและบริหารใหม่หมด รื้อทุกอย่างออกแล้ววางใหม่จนทุกอย่างเข้าที่และทำรายได้ดีแก่ผม

และข้อสามสำคัญเหมือนกัน คือผมอยากรู้ว่าพี่สมภพ “หาย” ไปไหน ด้วยข่าวลือทั้งหมด และผมเชื่อว่าแกถูก “ทำให้หาย” จึงอยากจะมาสะสางเรื่องนี้ให้หายแคลงใจ

ผมเริ่มต้นด้วยการไปสอบถามยามรุ่นนั้นด้วยกัน บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว บางคนก็ย้ายที่อยู่ตามตัวไม่ได้ แต่มีอยู่คนหนึ่งชื่อวิช นั่งกินข้าวกันจนได้ข้อสังเกตน่าสนใจคือ คืนที่พี่สมภพหายตัวไปแกออกเวรเตรียมตัวกลับบ้าน แกได้ไปจุดลงเวลาหลังหมู่บ้าน แล้วไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแกกลับมา

“ผมจำได้ น้ำเต้าหู้สองถุงที่มีคนในหมู่บ้านซื้อมาฝากแก ยังห้อยอยู่บนชั้นแขวนกุญแจเลย ปกติแกจะกินอาหารหรือขนมที่ลูกบ้านพักอาศัยให้ ให้มาสองแกก็แบ่งให้คนอยู่เวรด้วยกันหนึ่ง แต่กับของพวกให้มาเยอะๆ หรือเป็นกิโลๆ อย่างเงาะมาสองโลแกก็วางไว้เป็นของกองกลาง ใครเข้าเวรต่อก็กินต่อได้ ผิดกับคนอื่นที่มักจะนำกลับบ้านไปด้วย แต่น้ำเต้าหู้นั้นลูกบ้านให้มาสองถุงแต่คนที่เข้าเวรด้วยกันซึ่งก็คือวิช ไม่กิน เลยบอกให้แกสองถุง

“แต่เป็นไปได้ไหม ปกติพี่สมภพแกไม่เอากลับ ก็เลยลืม”

วิชนิ่ง พยักหน้าเหมือนใช้ความคิด “ก็น่าจะเป็นไปได้นะพี่ แต่”

“เอ้อ ผมนึกได้แล้ว” วิชพูดอย่างร้อนรน “มีโทรศัพท์จากหัวหน้าบอกกลับด้วยกันไหม พี่สมภพตอบตกลง แต่แกบอกเดี๋ยวไปดูจุดลงเวลาหลังหมู่บ้านก่อนกลับ เพราะมีลูกบ้านบอกว่าชำรุด ห้อยต่องแต่ง นั่นแหละครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นแก”

วิชพูดต่อ “พี่สืบแน่ชัดแล้วหรือว่าแกไม่ได้อยู่ที่อื่น หรือพูดตรงๆ นะแกยังมีชีวิตอยู่”

ผมตอบ “ผมให้เพื่อนที่กรมการปกครองดูให้ พี่แกยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร ญาติแกเมียแกไม่มีใครร้องต่อศาลให้แกเป็นบุคคลสาบสูญ ดูเหมือนเขายังหวังว่าแกจะกลับมาหรือมีคนเจอพี่แก”

บ้านผมที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ไม่ไกลจากหลังหมู่บ้าน ผมตัดสินใจเดินไปดู แต่ทุกวันนี้มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งขึ้นมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบไปหมด

ผมว่าพรุ่งนี้จะไปหาบรรดาหุ้นส่วนบริษัทยามคนเก่าๆ

ดึกคืนนั้นผมหลับอย่างอ่อนเพลีย ในความฝันตอนแรกเห็นใครก็ไม่รู้ยืนในความมืดใต้ต้นไม้ พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นเป็นพี่สมภพ ผมดีใจมาก พี่แกเดินหายลงไปในต้นไม้ ผมหาแกรอบๆ ต้นไม้ไม่เจอก็ตื่นขึ้นมา

ผมฝันแบบนี้อีกสองคืนติดต่อกัน จนในที่สุดผมก็กลับไปที่ต้นไม้นั้นอีก ผืนดินว่างเปล่าแห่งนั้นไม่รู้ใครเป็นเจ้าของ ผมเจอวิชยืนอยู่ที่นั่น เขาก็ฝันเหมือนกันกับที่ผมฝัน เขาพูดว่า “พี่ลองขุดใต้ต้นไม้ดูไหม”

นั่นแหละที่ผมตัดสินใจสั่งลูกน้องไปเช่ารถแบ๊กโฮมาขุด ผลปรากฏว่าเจอโครงกระดูก!

ผมแจ้งตำรวจทันที ตามมาด้วยการชันสูตรพลิกศพ (โครงกระดูก) ตรวจหาตามหลักการแพทย์จนพบว่านี่คือโครงกระดูกของพี่สมภพ

ผมทำบุญให้แกร่วมกันกับวิช คืนนั้นแกมาเข้าฝันขอบคุณผม แล้วก็หายไป

ผมทำความต้องการครบสามข้อของผมแล้ว โชคดีนะพี่สมภพ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของตำรวจและญาติแก หากต้องการความจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน