คอลัมน์ ข่าวสดสตรี

ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศศป. ร่วมกับ ลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์ และบริษัท แมส กรุ๊ป จำกัด จัดงานแฟชั่นผ้าไทย ภายใต้แนวคิด “ฟอร์ม วีฟวิ่ง สตรีท ทู ทูเดย์ ไลฟ์ คราฟต์” เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์อันทรงคุณค่าของผ้าไทยที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญาแห่งชาติ ผ่านการดีไซน์ร่วมสมัย โดยได้รับเกียรติจาก อภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และเหล่าเซเลบริตี้ของไทย อาทิ โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์, สุวดี พึ่งบุญพระ, ดร.ฐิติพร สงวนปิยะพันธ์, พิมพิศา ชมะนันท์, จิตติมา วรรธนะสิน ฯลฯ ที่พร้อมใจกันสวมใส่ผ้าไทยมาร่วมชมแฟชั่นโชว์สุดอลังการ ที่ เดอะ เฮาส์ ออน สาทร เมื่อวันก่อน

อัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการ ศศป. กล่าวว่า โดยหน้าที่ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ไม่เพียงแต่สร้างฐานข้อมูลช่างหัตถศิลป์ไทยทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาและต่อยอดเท่านั้น เรายังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านให้มีคุณภาพและมาตรฐานไปพร้อมกับเทคโนโลยีและความคิดใหม่ๆ เพื่อให้ช่างฝีมือได้เรียนรู้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีความร่วมสมัยยิ่งขึ้น พร้อมส่งให้ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของไทย เข้าสู่เวทีโลกอย่างต่อเนื่อง

กุสุมา ไชยพร ประธานและผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ลอฟฟีเซียลไทยแลนด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า งานนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเปิดโอกาสให้เข้าถึงคุณค่าผ้าไทย เพราะในผ้าหนึ่งผืนนั้นสะท้อนคุณค่าภูมิปัญญาของคนไทยที่มีอยู่ทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะความละเอียดในลวดลายซึ่งเกิดจากการถักทอ เต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะตัว เป็นภูมิปัญญาที่หลากหลาย ผ้าไทยเป็นผ้าที่สวยที่สุด เป็นงานหัตถกรรมที่มีการพัฒนาในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ สมควรได้รับการสนับสนุนและผลักดัน ถ้าเราสามารถทำให้ต่างชาตินิยมตัดเย็บผ้าไทยได้ด้วยก็เป็นสิ่งที่ดี

ด้านดีไซเนอร์จากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง อ.กฤษณ์ เย็นสุดใจ ผู้ออกแบบคอลเล็กชั่นผ้าไทยทั้ง 25 ชุด เผยว่าแฟชั่นโชว์ในวันนี้ใช้เวลา 2 เดือน ทีมงานกว่า 30 คน โดยนำผ้าไทยจาก 5 ชุมชน ได้แก่ ผ้าฝ้ายย้อมคราม จ.สกลนคร, ผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จ.ขอนแก่น, ผ้าฝ้ายทอมือบ้านไร่ จ.อุทัยธานี, ผ้าไหมแพรวา จ.กาฬสินธุ์ และ ผ้าบาติก จ.กระบี่ ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์โดดเด่นมาดีไซน์ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าผ้าไทย นำมาออกแบบได้หลากหลาย ทั้งเสื้อ แจ๊กเกต หมวก รองเท้า โดยการออกแบบที่ผสมผสานกันระหว่าง สไตล์รีโทร-ฟิวเจอริสติกและแฟชั่นยูนิฟอร์ม อาทิ การนำผ้าไหมที่มีคุณสมบัติเด่นคือ ความเงา มาจับคู่กับไวนีล ซึ่งเป็นพลาสติกประเภทหนึ่ง ผสมผสานจนได้ลักษณะความเงาในรูปแบบใหม่

“การสวมใส่ผ้าไทยเป็นเรื่องของอุดมคติ ผ้าไทยเป็นผ้าที่มีรายละเอียดแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ การตัดเย็บก็จะต่างกัน และผ้าไทยสามารถสร้างคาแร็กเตอร์ให้ผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ครูช่างที่เป็นหัวหน้าชุมชนต่างๆ มีน้อยลงทุกที ครั้งนี้จึงอยากให้มองเห็นความสำคัญโดยเฉพาะการพัฒนาผ้าไทยเพื่อให้เป็นที่รู้จักและมองเห็นความสำคัญมากยิ่งขึ้น” อ.กฤษณ์กล่าว

ภายในงานยังมีนิทรรศการแสดงสินค้าหัตถกรรมภูมิปัญญาไทย อาทิ เครื่องเงิน เครื่องถม กระเป๋า หมวกจากหญ้าลิเภา เครื่องเบญจรงค์ ฯลฯ ติดตามคอลเล็กชั่นผ้าไทย “ฟอร์ม วีฟวิ่ง สตรีท ทู ทูเดย์ ไลฟ์ คราฟต์” เพิ่มเติมได้ที่ www.sacict.net หรือเฟซบุ๊ก SACICT

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน