คอลัมน์ แมวสำคัญของโลก : แมวซอมบี้แห่งฟลอริด้า – โดย…ขึ้นหนึ่งค่ำ

แมวซอมบี้แห่งฟลอริด้า – “เป็นไปไม่ได้ ผมฝังบาร์ตกับมือแล้ว”

เรื่องของแมวตายแล้วฟื้นที่โด่งดังมากๆอีกตัวของโลก คงหนีไม่พ้นเจ้าตัวนี้เป็นแน่

ใครมันจะไปเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นจริง เมื่อแมวตัวหนึ่งที่ถูกฝังเรียบร้อยแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งมันก็กลับมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเจ้าของ!

เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เอลลิส ฮัทสัน ชายชาวอเมริกัน อายุ 52 ปี ผู้เจ้าของแมวที่ชื่อ “บาร์ต” ตัวนี้ เขาเจอแมวของตัวเองนอนอยู่กลางถนนในเมืองแทมปา รัฐฟลอริด้า สภาพของมันในแอ่งน้ำกลางถนนนั้นไม่มีเลือดตามตัว เขาสันนิษฐานว่ามันอาจจะถูกรถชนเข้าจนช้ำในตาย เขาจึงตัดสินใจฝังเจ้าแมวใกล้กับจุดที่เขาพบ

แต่ห้าวันต่อมาแมวตัวนี้ เจ้าบาร์ตก็ปรากฏตัวที่ลานบ้านของเพื่อนบ้าน

เพื่อนบ้านจำได้ว่าเจ้าบาร์ตคือแมวของฮัทสัน

ฮัทสันกล่าวอย่างตื่นเต้น “ผมเปิดประตูและเพื่อนบ้านของผมยืนอยู่พร้อมกับแมวในอ้อมแขน เธอพูดว่า ‘บาร์ตยังไม่ตาย’ ผมตอบอยู่หลายครั้งว่า ‘เป็นไปไม่ได้ ผมฝังบาร์ตกับมือแล้ว’

แม้จะเชื่อว่าไม่ใช่แมวของตัวเองในตอนแรก แต่ด้วยมนุษยธรรม ฮัทสันจึงอยากพามันไปโรงพยาบาล แต่เนื่องจากในเย็นวันนั้นไม่มีสัตว์แพทย์เลย เขาจึงพาเจ้าเหมียวกลับบ้านมาก่อนเพื่อไปหาหมอในเช้าวันรุ่งขึ้น

ที่โรงพยาบาล หมอตรวจแล้วจัดการผ่าตัดกรามที่หัก แผลเปิดบนใบหน้าและควักลูกตาที่เสียไปข้างหนึ่งทิ้ง หมอที่รักษาเจ้าบาร์ตบอกว่าเจ้าบาร์ตอึดมาก ขนาดสภาพสาหัสขนาดนี้นอนรออยู่บ้านเฉยๆอีกหนึ่งคืนเต็มๆ ยังรอดมาได้ (มันคงบอกว่า อยู่ในหลุมห้าวันเต็มๆ ยังผ่านมาแล้ว อีกคืนจะทำไมไม่ได้)

เรื่องราวของบาร์ตถูกแพร่ไปอย่างรวดเร็ว มีสื่อท้องถิ่นรวมถึงสมาคมมนุษยธรรมแห่งแทมป้าให้ความสนใจ ถึงกับไปทำข่าวบาร์ต แมวผู้ฟื้นจากความตายที่โรงพยาบาลทันที

“เจ้าเหมียวกำลังพักผ่อนอย่างสบายอกสบายใจ ทุกๆครั้งที่มีคนมาหามัน มันชอบให้เกา” แนช แมคคัทเช่น โฆษกหญิงของสมาคมมนุษยธรรมแห่งเมืองแทมปากล่าวกับนักข่าว

ภาพเจ้าบาร์ต แมวที่ได้รับสมญานามว่า “แมวมหัศจรรย์” ผ่านการผ่าตัดลุล่วงไปด้วยดี ปรากฏหราเป็นภาพข่าวบนเว็บไซต์ของสมาคม บาร์ตในภาพนอนอย่างสบายใจ แม้จะมีสายระโยงระยางรอบตัวมันและตัวมันอยู่บนโต๊ะผ่าตัดก็ตามที

“มันเป็นแมวที่กล้าหาญ แม้จะใช้เวลาที่ยากลำบากในการรักษาตลอดทั้งคืนในแผนกฉุกเฉิน” คำบรรยายใต้ภาพระบุอย่างนั้น

เจ้าบาร์ต ได้รับการตรวจอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น และมันก็อยู่ในโรงพยาบาลอีกกว่าสัปดาห์ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายก่อนกลับบ้าน

“เป็นการฟื้นตัวที่น่าอัศจรรย์ หลังจากที่ฝังมันแล้วแท้ๆ ไม่น่าเชื่อเลย” ดัสตี้ อัลบริตัน (Dusty Albritton) เพื่อนบ้านผู้เจอบาร์ตคนแรกกล่าว

ขณะที่เจ้าของบาร์ตกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อเลยว่า “ผมฝังมันด้วยตัวเอง เห็นเต็มสองตาของผม ผมแน่ใจว่ามันตายแล้วแน่ๆ ตัวมันเย็นและแข็งทื่อ” เขากล่าวกับนักข่าว “คงเป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้าที่บาร์ตรอดชีวิตมาได้ ไม่อยากจะเชื่อเลย”

อัล บริตัน เพื่อนบ้านรณรงค์หาเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลบาร์ตได้ 4,600 เหรียญสหรัฐเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลบาร์ต รวมถึงค่าผ่าตัด และอีกกว่า 2,200 เหรียญสหรัฐสำหรับเมื่อออกจากโรงพยาบาล

ฮัทสัน เจ้าของบาร์ตกล่าวขอบคุณทุกคนที่ได้ช่วยเหลือบาร์ต นอกจากนี้มีกองทุนการแพทย์ Save-A-Pet ของสมาคมมนุษยธรรมแห่งเมืองแทมปา สนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณส่วนที่เตรียมไว้นี้ โดยกองทุนระดมเงินบริจาคผ่านทางเว็บไซต์ของสมาคมมาได้มากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ

ฮัทสันกล่าวว่าเขา“ขอบคุณจริงๆ สำหรับทุกคนที่บริจาคให้กับบาร์ต ผมซึ้งใจในมนุษยธรรมของทุกคน ผมจะใช้เงินทุกดอลล่าร์ที่ได้มาเพื่อการดูแลบาร์ตโดยเฉพาะ”

ฮัทสันยังกล่าวอีกว่า บาร์ตจะไม่เป็นแมวร่อนแร่ไปไหนมาไหนอีกแล้ว มันจะอยู่ในบ้านของเขา ห้องทุกห้องในบ้านเป็นของมัน “คนในครอบครัวของเราทั้งห้าคน รักมันทุกคน”

เขามีแผนจะสร้างบ้านให้บาร์ตโดยเฉพาะ โดยรอใบอนุญาตก่อสร้างจากทางเมืองอยู่

“เราจะพยายามทำให้มันมีพื้นที่ส่วนตัวของมันโดยเฉพาะ หากใครต้องการเยี่ยม มาหาบาร์ต เราก็ยินดีต้อนรับ” ฮัทสันกล่าว “เรื่องบ้าน แม้จะยังเป็นแค่ฝันก็เถอะ แต่มันก็เป็นฝันอันยิ่งใหญ่ที่ผมต้องทำให้ได้”

หลังเหตุการณ์นี้ มีคนจำนวนมากติดต่อมาขอรับเจ้าบาร์ตไปอยู่ด้วย แต่ฮัทสันกล่าวว่า “บาร์ตเป็นแมวครอบครัวของเรา”

“หากใครต้องการมาเยี่ยมบาร์ต มาได้เสมอ ไม่มีปัญหา” เขาบอกกับทุกคนที่ขอบาร์ตไปอนุเคราะห์

แมวที่ฟื้นจากความตาย แมวซอมบี้แห่งเมืองแทมป้าตัวนี้ มันพาตัวเองออกจากหลุมได้อย่างไรไม่มีใครรู้ ที่สำคัญเจ้าของยืนยันว่ามันตัวเย็นและแข็งแล้วตอนไปฝัง แล้วมันฟื้นอีกครั้งได้อย่างไร ก็ยังคงเป็นปริศนาเช่นกัน

แต่สัตวแพทย์และทีมผู้ช่วยเหลือต่างสันนิษฐานว่า เจ้าเหมียวน่าจะตะเกียกตะกายออกจากหลุมมาตั้งแต่วันแรกแล้ว และน่าจะไปหาที่หลบซ่อนให้ตัวเองปลอดภัยอยู่ระหว่างที่หาหนทางกลับมาหาเจ้าของเดิม

ก็คงเหมือนเรื่องคนฟื้นจากความตายขณะสวดศพ คนที่ตายไปแล้วเคาะโลงจนพระต้องหยุดสวด อย่างไรก็คงอย่างนั้น เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีข่าวหญิงชราวัย 91 ปีในประเทศโปแลนด์ตายแล้วฟื้น หลังจากทางโรงพยาบาลไปไว้ในห้องดับจิตกว่า 11 ชม. ขณะนำตัวยายออกจากห้องเย็นเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา ปรากฏว่าถุงใส่ศพขยับเขยื้อน เจ้าหน้าที่ตกใจ เมื่อเห็นว่าร่างยายขยับได้จริงๆ จึงรีบนำยายออกจากถุง คำแรกที่ยายบอกก็คือ “หนาว ขอชาร้อนๆ สักถ้วย”

ญาติดีใจ แทนที่จะเป็นงานศพกลับเป็นงานฉลอง ทุกวันนี้ตามข่าวยายก็ยังมีชีวิตอยู่ #

ที่มา : abcnews.go.com


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน