คอลัมน์ เป็นแม่ไม่ง่าย : ตอน จากเด็กหวงตัวกลายเป็นนักกิจกรรมน้อย – โดย…ขึ้นหนึ่งค่ำ

เป็นแม่ไม่ง่าย – “ตอนนั้นเครียดว่าลูกเราเป็นอะไร ผีเข้าหรือเปล่า ทำไมถึงไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ”

สำหรับท้องนี้เป็นท้องแรกและท้องเดียวของเราเลยก็ว่าได้ ตั้งใจมาก เราอยากมีลูก หลังจากทำใจมานานแล้ว ด้วยความที่เรายังคิดว่าเราวัยรุ่นอยู่ เลยคิดว่าน่าจะยังไม่พร้อม ไม่อยากมี เงินเดือนเราจะพอเลี้ยงเด็กคนนึงได้ไหม ให้เค้ามีอนาคตที่ดี การศึกษาดี คิดสารพัด คิดทุกอย่าง เรามองว่าต้องเริ่มจากการวางแผนที่ดี ความพร้อมคือสิ่งสำคัญ จนสุดท้าย คำว่าพร้อมสรุปไม่ได้จบที่เรื่องเงิน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจและกาย เราก็เริ่มปล่อย

สิ่งที่ฝันและจำได้ดีที่สุดคือ ฝันว่ามีคนเอาแจกันรูปหงส์สีขาว สวยมาก เงาวิบวับ มาให้ถึงมือเราก็ปฏิเสธ เพราะแจกันใบนี้สวยงามมากเกินกว่าที่จะรับได้ เราบอกไม่เอา จะคืนไป จากนั้น คนที่ให้ก็บอกว่า รับไว้เถอะ พอเรายื่นมือเข้าไปรับเท่านั้น จากนั้น คนที่ให้ก็หายไป แล้วเราก็ตื่น และเราก็จำความฝันได้ชัดเจนมาก รอคอยแค่ 3 เดือนเท่านั้น ก็รู้ว่า ลูกมาแล้ว หลังจาก Test ตั้งครรภ์ แล้วขึ้น 2 ขีดแล้ว ดีใจหนักมาก วิ่งลงมาบอกสามี ว่าเรามีลูกแล้ว


ผ่านช่วงท้องและแพ้ท้องมาได้มาได้ มีอุปสรรคบ้าง มีเรื่องวุ่นวายบ้าง แต่ลูกก็แข็งแรงดี

อยู่มาวันนึง ขณะที่ไปทำงานอยู่ วันนั้นรู้สึกแปลก ๆ ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเหมือนมีเลือดออก ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ใจก็คิดว่า อย่าเพิ่งคลอดวันนี้นะ ไม่เอา ฉันไม่พร้อม วันนี้ ทุกคนรอบข้างตื่นเต้นแทนเราไปหมด กลัวคลอดที่ทำงาน

เจอหมอที่รพ. ผลคือ หมอให้กลับไปนอนพักที่บ้านต่ออีก 1-2 อาทิตย์ เพราะยังไม่ครบกำหนดคลอด แต่ห้ามเดิน เพราะมีเลือดออก อาจจะเพราะเดินเยอะ บวกอาการเท้าบวม ต้องนอนรอ เพื่อรอครบกำหนดคลอดอีกครั้ง เมื่อถึงกำหนดวันคลอด ที่เราเลือกผ่าคลอด เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ปวดท้อง น้ำไม่เดิน รอไม่ไหว เพราะปวดหลัง มาก นอนไม่ได้ เลยเมื่อปรึกษาหมอและหมอว่าสามารถคลอดได้แล้ว เราจึงตกลงใจนัดผ่าทันที

ปัญหาสุขภาพลูกคือ เป็นเด็กที่ป่วยง่ายค่ะ ปีนึงขั้นต่ำ แอดมิดประมาณ 2 -3 ครั้งต่อปี และหาหมอแบบไม่แอดมิดบ่อยมาก น่าจะเป็นเรื่องของภูมิแพ้อากาศที่น้องเป็น

ปัญหาทางด้านจิตใจ อันนี้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องความหนักใจของแม่ ลูกเป็นเด็กที่มีความเป็นตัวเองสูงมาก ถือตัว ไม่ชอบให้ใครมาจับ หรือเข้าใกล้ หวงตัวสุด ๆ สำหรับผู้ใหญ่ หรือคนไม่รู้จัก แต่ถ้าเป็นเด็กด้วยกัน ก็สามารถเล่นกันได้เป็นปกติ กับครูก็ไม่มีปัญหา เคยพามิลกี้ไปออฟฟิศแม่บ่อย ๆ เธอถือตัวมาก ใครจับก็ไม่ได้ จนเป็นที่โจษจันของคนใน office ไปเลยทีเดียว


เอาจริง แม่เนี่ยกลัวหนักมาก และเครียดว่าลูกเราเป็นอะไร ผีเข้าหรือเปล่า ทำไมถึงไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ เมื่อไหร่จะหาย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทั้งโมโห ทั้งน้อยใจ ทั้งโกรธลูก แต่ทำอะไรไม่ได้ พยายามสอนและพูดให้มิลกี้ฟังเสมอ ว่าถ้าหนูทำแบบนี้ไม่น่ารัก ใคร ๆ ก็จะไม่อยากเล่นกับหนูนะคะ พูดและสอนบ่อยมาก แทบจะทุกเวลา เอาจิงนะคะ เค้ายังเด็ก ไม่รู้ประสีประสาอะไรจริงๆ เค้าแค่คิดว่า โลกทั้งใบ มีแม่คนเดียวก็คงเกินพอ เค้าถึงทำตัวแบบนี้ อาการแบบนี้ผ่านไปจนจบช่วงอนุบาล

คนรอบข้างมีอิทธิพลกับแม่มาก ในเรื่องของความกดดันมากกว่า อาจจะเพราะมิลกี้เป็นเด็กแบบนี้ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้มีคำพูดจากคนอื่นเข้ามาให้ได้ยินบ่อยมาก คนรอบข้างจะพูดเสมอว่า ทำไมไม่ทำแบบนี้ ทำไมไม่สอนแบบนี้ ทำแบบนี้ผิด ทำแบบนี้ไม่ดี มีเยอะมาก สุดท้ายคนเป็นแม่ เราต้องยึดในจุดยืนของตัวเอง ต้องเข้มแข็งและมั่นคง ตอนนั้นท้อมาก ต้องบอกกับตัวเองเสมอว่า นี่คือลูกเรา ไม่มีใครรู้และเข้าใจได้ดีกว่าคนเป็นแม่อย่างเรา


หลังจากเข้า ป. 1 ลูกได้ทำกิจกรรมที่ชอบ มีเรียนเต้น เล่นยิมนาสติก มีงานแสดง มิลกี้ก็ดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้แม่อย่างเราสบายใจมาก ทำงานง่ายขึ้น

ลูกเริ่มมีงานแสดง โชว์ตัว ถ่ายแบบ บ่อยขึ้นเป็นงานที่ลูกชอบทำเองโดยไม่มีใครไปกระตุ้นหรือบังคับ เขาดูมีความสุขกับการทำงานมาก


คราวนี้เข้ากับคนได้ เล่นและพูดคุยกับคนอื่น ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ ต้องบอกเลยผ่านมาแบบคำว่าอดทน และพร่ำสอน แต่ทุกวันนี้รู้สึกดีมาก คือสิ่งที่เราสอนลูกไป เกิดจากความที่เราต้องตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาก เลยมีโอกาสได้บอกได้สอนลูกเสมอ จนเค้าซึมซับและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แม่อย่างเรา เห็นลูกเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว


เราเป็นแม่ที่สังเกตลูกตลอดเวลา สนิทกับลูกมาก เวลาส่วนใหญ่ที่นอกเหนือจากงาน เรียกว่าอยู่กับลูกทุกเวลา เที่ยวก็ต้องเที่ยวด้วยกัน ไปนอน รพ. แม่ป่วยลูกก็ไปด้วย เราไม่เคยห่างกันเลยก็ว่าได้ คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เค้าติดเรามาก ๆ และเรารู้ใจเค้าที่สุด

เวลาผ่านไปเร็วมาก ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเลี้ยงลูกมาได้จนถึงทุกวันนี้ จะ 10 ปีแล้วสินะ คิดแค่นี้ก็ภูมิใจมากแล้ว

สิ่งที่อยากบอกกับลูกสาวคนนี้ คือ หนูเป็นเด็กดีที่มีความสามารถรอบด้าน แต่จงจำไว้ ให้เก็บความสามารถนี้ไว้ อย่าอวดใคร เพราะคนขี้อวด จะอยู่ในโลกนี้ไม่ได้ หรืออาจจะเป็นภัยกับเราได้ในอนาคต ใช้ความสามารถของเราให้ถูกทาง ใช้ให้เป็นประโยชน์

และสิ่งที่อยากจะบอกอีกอย่างคือ อยากให้ลูกคิดบวกเสมอ ห้ามท้อ เจออุปสรรคต้องอดทน ต้องใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ อยากให้เค้าเป็นคนอดทนเข้มแข็ง และเป็นแม่ที่ดีในอนาคตต่อไปค่ะ

ที่มาเรื่องและภาพ แม่ป้อม น้องมิลค์กี้


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน