คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

เมื่อช่วงก่อนเปิดเทอมที่ผ่านมา ฉันกับเพื่อนได้มาจัดงานรับน้องใหม่ที่มหาวิทยาลัยและได้เจอกับเรื่องประหลาดเข้าเรื่องหนึ่ง

ต้องเกริ่นก่อนว่าที่มหาวิทยาลัยของเรา เพิ่งมี นโยบายเข้มงวดเรื่องการจัดการรับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัย ห้ามมีการทำร้ายร่างกาย การให้ทำกิจกรรมลามก หยาบคาย ที่สำคัญที่สุด ห้ามมีการบังคับรุ่นน้องๆ ให้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องใหม่ เด็ดขาด ให้ทำเฉพาะคนที่สมัครใจจะเข้าร่วมเท่านั้น

รุ่นของฉันเองก็มีคนเข้าร่วมรับน้องราวๆ ครึ่งเดียว แล้วคณะเรา ปี 1 มีแค่ 12 คน มาครึ่งเดียวก็คือ 5-6 คนต่อครั้ง แต่รุ่นพี่ก็จัดกันเต็มที่อย่างสนุกสนานอบอุ่น มาถึงรุ่นเราที่กลายเป็นรุ่นพี่กับเขาบ้าง ก็อยากจะจัดรับน้องให้สนุกและน่าประทับใจอย่างนั้นบ้าง โดยได้วางแผนกันว่า จะรับน้องแบบกิจกรรมภาคสนามออกแรงนิดๆหน่อยๆ ที่สนามฟุตบอล และจะมีเกมเล็กๆ น้อยๆ สนุกกัน ที่ห้องกิจกรรมของคณะ ซึ่งจะเปิดใช้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน สำหรับคนที่มาค้างเพื่อทำงานกลุ่ม งานคณะ หรือทำกิจกรรมต่างๆ โดยต้องขออนุญาตอาจารย์และเจ้าหน้าที่คุมตึกก่อนเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยดูแลให้

เกมส่วนนอกอาคารฉันให้เพื่อนๆ ผู้ชายเป็นคนคิดจัดการและดูแล พวกนั้นก็เลยเอาน้องไปเล่นออกกำลังกันเหมือนฝึกรด.เล็กๆ เนื่องจากปีหนึ่งปีนี้มีผู้ชายมากันเยอะคือ 15 คน แต่ผู้หญิงมีแค่สองคนหน้าตาน่ารักเรียบร้อยชื่อแหวนกับ ต้นหลิว และเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม ตอนรับน้องเราเลยพยายามแยกทั้งสองออกจากกันเพื่อ จะได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ บ้างก็ปรากฏว่า พวกผู้ชายก็พากันรุมเทกแคร์น้องผู้หญิงทั้งสองคน จนแทบจะหามกัน เรารุ่นพี่เห็นก็ได้แต่ยิ้มๆ ว่าเออ น่ารักดี

กิจกรรมกลางคืน ฉันกับเพื่อนจัดให้เล่นเกมให้อ่านข้อมูลของเพื่อนๆ ในรุ่นทุกคน แล้วจำให้ได้ว่าข้อมูลไหนเป็นของใคร แบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่ม กลุ่มไหนแพ้จะต้องโดนลงโทษ เกมส์นี้สนุกมากทั้งสองทีมจำแม่นและไม่ยอมแพ้กันเลย แน่นอนเราแบ่งแหวนกับต้นหลิวให้อยู่คนละทีม และสองสาวก็กลายเป็นไข่ในหินพอๆ กัน

เรื่องประหลาดที่ว่ามาเกิดขึ้นในเกมที่สองก่อนที่จะปิดกิจกรรมนี่แหละ จำได้แม่นว่าตอนนั้นเวลาราวๆ สี่ทุ่มแล้ว เราให้เล่นปิดตาแล้วจับตัวเพื่อนทีมตรงกันข้าม ทายว่าคนที่จับได้คือใคร โดยคนที่โดนจับห้ามพูดห้ามขยับหรือทำอะไรทั้งนั้น ถ้าถูกทายถูกก็จะตกเป็นเชลยของฝ่ายตรงข้าม ถ้าทายผิดก็ต้องผลัดให้อีกฝ่ายเล่นต่อ

พวกเราย้ายไปที่โถงกลางของชั้นสามที่เป็นลานโล่งๆ ที่ก็ไม่ได้กว้างมาก เป็นทางยาวๆ ราวสองคูณแปดเมตร เปิดไปหาห้องทุกห้องในชั้นสามได้เนื่องจากเวลาเริ่มดึกแล้วเราเลยให้ส่งตัวแทนทีมละคนเล่นกันหนึ่งชั่วโมง ทีมไหนเหลือน้อยกว่าแพ้ หลังจากนั้นก็กะว่าจะให้แยกย้ายกันไปนอน และพอให้เลือกกันมาเสียงก็เป็นเอกฉันท์ เพื่อไม่ให้น่าเกลียดและป้องก้นกรณีน้องผู้ชายไปลูบๆ คลำๆ น้องผู้หญิง ทั้งสองทีมก็พร้อมใจกันส่งต้นหลิวกับแหวนมาเป็นตัวแทน

ทั้งสองถูกจับผูกผ้าปิดตาจนแน่น คนนึงถูกเอาไปนั่งไว้ที่มุมด้านหนึ่งของโถง อีกคนถูกเอาไปซ่อนที่ชั้นบนแล้วมีพี่ผู้หญิงเฝ้าไว้คนนึง โยนหัวก้อยแล้ว แหวนที่อยู่ชั้นบนได้เล่นก่อน เพื่อนฉันที่เฝ้าก็จูงมือน้องลงมา ข้างนึงน้องก็ค่อยๆ เกาะราวบันไดลงมาทีละขั้น ปรากฏว่าอยู่ๆ น้องก็ยิ้มแล้วร้องเอะอะออกมา พร้อมกับทำท่าเหมือนจับอะไรสักอย่างที่ราวบันได “ได้แล้วๆ นี่มือใครอ่ะเย็นเจี๊ยบเลย ผอมๆ ยาวๆ …หมง หมงใช่ไหม”

เราเงียบกันหมด ฉันขนลุกซู่ เพื่อนที่จูงน้องอยู่หน้าเสีย รีบกึ่งลากกึ่งจูงแหวนลงมาที่โถง แล้วบอกว่าให้เริ่มเล่นได้ แหวนก็ทำท่างงๆ แต่ก็เล่นต่อไป แหวนทายถูกสามคน คนที่สี่ผิด ก็เลยสลับให้ต้นหลิวเล่นต่อ

ต้นหลิวไม่ต้องมีคนจูงก็เดินเอามือเกาะมาตามผนังเพราะกลัวล้ม ในขณะที่รุ่นพี่ร้องเชียร์ให้เดินต่อมาข้างหน้า ก็พอดีมือต้นหลิวไปผลักประตูห้องข้างๆ ซึ่งเป็นห้องชมรมดนตรีร้างเปิดออก แล้วก็ร้องดีใจ ทำท่าเหมือนจับใครได้ทั้งๆ ที่ไม่มีใคร “จับได้แล้ว แขนนิ่มๆ เย็นๆ นิ่มมาก แหวนแน่ๆเลย แหวนหรือเปล่า หนูทายถูกหรือเปล่าคะพี่”

ทุกคนหน้าซีด ขนหัวลุกกันหมด ความขวัญหนีดีฝ่อยังคงต่อเนื่องเมื่อต้นหลิวทำท่าดึงใครสักคนออกมาจากอากาศว่างเปล่าที่หน้าห้องดนตรีมาให้ได้ “มาดิ ออกมาดิแหวน”

จนแหวนต้องร้องออกมาเบาๆ พอได้ยินว่า “หลิวๆ ปล่อยเหอะ เราอยู่ทางนี้”

ต้นหลิวเลยนิ่งไป แล้วรีบเดินจ้ำออกมาจากตรงนั้นโดยไม่แกะผ้าออก พอมาถึงแหวนก็แกะผ้าแล้วก็ร้องไห้สะอื้นออกมาด้วยความกลัว ตอนนั้นเราขวัญกระเจิงกันหมดแล้ว ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกัน รีบเก็บของลงมาจากตึกอย่างเร็วทั้งน้องทั้งพี่

ปิดท้ายไฮไลต์ของวันด้วยเสียงดนตรีไทยที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นมาเองตอนที่เราออกมาจากตึกเพิ่มความหลอนอย่างไม่มีที่มาที่ไป และหลังจากวันนั้น เราก็เลิกจัดรับน้องกันตอนกลางคืน และก็แทบไม่มีใครกล้าใช้ตึกกิจกรรมตอนกลางคืนกันอีกเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน