เป็นแม่ไม่ง่าย – “มาย้อนนึกไปอีกที เราควรจะกล้าพูดออกไปเลยมากกว่านี้”

เราท้องตอนอายุ 22 แต่งปั๊บท้องเลย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องลูกหรือเด็กเล็กเลย ก็ใช้วิธี หาอ่านหาความรู้เอาจากในหนังสือ ในเว็บเกี่ยวกับแม่ๆลูกๆ หลังไปฝากท้องก็คุยกับหมอ ว่าเป็นท้องแรก ถ้ามีอะไรที่เราควรทำหรือไม่ควรทำฝากแนะนำด้วยนะคะ

หมอเขาก็แนะนำตลอด ว่าช่วงอายุครรภ์เท่าไหร่ควรทำอะไรบ้าง คุณหมอเขาจะให้หนังสือพัฒนาการทารกในครรภ์ให้เราพก เราก็เอามาเปิดอ่าน ดูรูปตลอด ว่าสัปดาห์นี้ลูกเราตัวโตขนาดไหนแล้ว รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เขาแนะนำให้กินอะไรบำรุงบ้างก็กินหมด นม ไข่ ผัก ผลไม้ วิตามินที่หมอให้มาบำรุงก็กินไม่เคยขาด เรากับสามีตื่นเต้นกันมาก สามีอยากมีลูกอยู่แล้ว


ช่วงตั้งท้องเราไม่ค่อยแพ้ท้อง แพ้อยู่เดือนเดียวคือช่วงเดือนที่ 3 นั่นคือกินอะไรแทบไม่ได้เลย เหม็นหมดทุกอย่าง พยายามฝืนใจกินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกมาหมด กินได้แค่น้ำหวาน น้ำแดง น้ำเต้าหู้ได้บ้าง พยายามกินแต่ก็ไม่ค่อยไหว ตอนนั้นน้ำหนักลดลงไปสองกิโล ตกใจเหมือนกัน แต่หมอก็บอกว่าลูกในท้องแข็งแรงปลอดภัยดี เติบโตตามปกติ เราก็โล่งใจ

บ้านสามีจะมีญาติๆเยอะมาก และครอบครัวเขาเป็นบ้านระบบเปิด คือเปิดประตูไว้ตลอด เพื่อนบ้านที่รู้จักกันก็เดินเข้าออกได้ตลอดเวลา เราก็จะมีของฝากของกินมาวางไว้ให้ประจำ แต่บางอย่างที่หมอห้ามเราก็ไม่กล้ากิน อย่างพวกยาสมุนไพรต้มๆชงๆ หรือน้ำมนต์จากวัด

ที่สามีเราเขาไม่อยากให้กินเพราะไม่แน่ใจว่าสะอาดหรือเปล่า กลัวท้องเสีย เรื่องพวกนี้สามีเราแคร์มาก บางทีคนที่เอามาฝากเป็นญาติผู้ใหญ่ด้วย แต่เขาก็กล้าพูด พูดตรงๆว่า ต้องดูแลเรื่องอาหารเรื่องความสะอาด เพราะอยากให้ลูกแข็งแรง จนญาติเขาก็มีโกรธมีน้อยใจบ้าง ตอนนั้นเราไม่อยากมีปัญหาอะไรกับใครเลย เราก็บอกสามีว่า พยายามอย่าไปเถียงกับเขา เดี๋ยวลูกเราคลอดมากลัวเขาจะเกลียดลูกเรา


จนมาลูกคลอด น้ำหนัก 2700 หมอว่าก็ปกติ ทางญาติบางคนก็ติอีกว่าลูกตัวเล็กเพราะดื้อ เพราะบำรุงไม่พอ หลังคลอดใหม่ๆเคยมีตัวเหลือง ญาติก็ไล่ให้พาไปตากแดด บอกให้เอาน้ำให้กิน แต่เราจำได้ว่าหมอบอกว่าอย่าให้กินน้ำหรืออย่างอื่น นมแม่อย่างเดียว ก็พากลับไปหาหมอ ส่องไฟ ไม่นานก็หายตัวเหลือง ช่วงนี้เราก็ให้แต่นมแม่ตลอดตั้งใจจะให้ลูกกินนมแม่นานที่สุด

แต่ทางแม่สามีพยายามจะให้ลูกเรากินนมขวด นมชงแทน บอกว่าเวลาเอามาฝากเลี้ยงจะได้ไม่ติดแม่ เราก็ยืนยันว่าติดแม่ไม่เป็นไร เพราะยังไงเราก็เลี้ยงเอง ให้กินนมเต้าตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าจะเอาไปฝากใครเลี้ยง เพราะไม่ได้ทำงานนอกบ้านด้วย ตอนนี้เริ่มโดนเขม่นแล้ว ว่าดื้อ ก้าวร้าว เราเครียดแต่ก็ต้องยืนยันความคิดเรา

ต่อมาสักราวๆลูกได้สามเดือน เรามีธุระด่วนต้องไปหาแม่ที่สมุทรสาคร เลยขอฝากลูกไว้กับแม่สามี แล้วก็บอกเขาว่า นมแม่อยู่ไหน ต้องละลายยังไง เราบีบนมเก็บไว้เต็มตู้ไม่ต้องเอานมชงนะ ปรากฏว่าพอกลับมา เขาบอกว่าลูกร้องไม่หยุด เพราะกินนมไม่อยู่ท้อง เลยเอากล้วยขูดป้อนไปช้อนนึง เราใจหายเลย แต่ก็ไม่กล้ามีปัญหา แล้วลูกก็ดูไม่เป้นอะไรเลยเงียบๆไป วันนั้นลูกเบ่งถ่ายเหมือนปวดท้อง อึกล้วยออกมา เราก็โล่งอกแต่ไม่กล้าบอกสามี


หลังจากวันนั้น แม่สามีเขาก็ชอบพาลูกไปเดินเล่นนอกบ้าน เรารู้ว่าบางทีแอบป้อนกล้วย แอบป้อนโจ๊ก แต่คิดว่านิดเดียวคงไม่เป็นไร เขาชอบมาพูดว่าเราใจร้าย ลูกกินแต่นมไม่อยู่ท้อง ตัวก็เล็กไม่ค่อยโตเหมือนเด็กคนอื่น คนเมื่อก่อนเขาป้อนกล้วยกันตั้งแต่เกิด ให้กินข้าวบดได้แล้ว เลี้ยงลูกมาตั้งกี่คนก็ไม่มีใครตัวเล็กแบบนี้ เพราะให้กินข้าว อะไรแบบนี้

จนวันนึงลูกร้องปวดท้อง ท้องอืดพอง เกร็ง ร้องจนปากเขียว อ้วกพุ่งเหมือนเปิดสายยาง มีน้ำดีเขียวๆปนเศษกล้วยด้วย อึไม่ออก มีมูกเลือดปนเขียวๆออกมา และเริ่มซึม ตัวเย็น เรากับสามีเลยรีบพาไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าหมอบอกว่าลูกมีอาการลำไส้อุดตันเพราะไม่สามารถย่อยอาหารที่ป้อนไปได้ ต้องผ่าตัด และอาจจะต้องตัดลำไส้ส่วนที่เริ่มเสียบางส่วนทิ้ง

เรานี่ทรุดเลย ร้องไห้โฮเลย สงสารลูกมาก แล้วก็มารู้ทีหลังว่าเขาพาไปเดินเล่นมีแอบป้อนกล้วยหมดเป็นลูก มีเพื่อนบ้านคนนึงปั้นข้าวเหนียวป้อนลูกเราด้วย ซึ่งมาถึงขนาดนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เรารู้สึกผิดต่อลูกมาก คือถ้าย้อนเวลาได้เราคงจะไม่ยอมตั้งแต่แรก

เราเป็นแม่เราควรปกป้องลูกมากกว่านี้ ตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมรับว่าที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะป้อนอาหาร แต่บอกว่าอาจจะผิดปกติตั้งแต่เกิด เพราะเขาเลี้ยงลูกคนอื่นๆมาก็ไม่เห็นมีใครเป็น ก็มองหน้ากันไม่ค่อยติดแล้ว

อยากฝากแม่ๆท่านอื่นว่าอย่าขี้เกรงใจจนลูกเจ็บหนักแบบเรา อะไรเห็นว่าไม่ถูกต้องก็รีบปกป้องลูก ไม่งั้นอาจบานปลายได้ค่ะ

คุณแม่ท่านหนึ่ง กรุงเทพฯมหานคร
ภาพ Pixabay


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน