ก้างปลาติดคอ-เรื่องเล็กที่ไม่เล็ก‘ก้างปลาติดคอ’ เป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ที่รับประทานปลา และหากใครที่เคยเจอประสบการณ์นี้อาจจะเข็ดกับการรับประทานปลาไปอีกนาน เพราะมันทั้งเจ็บคอและสร้างความทรมานอยู่ไม่น้อยเลย ทีเดียว อาการก้างปลาติดคอนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อาจเกิดอันตรายถึงขั้นเป็นแผลบริเวณหลอดอาหารหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อ เป็นหนองลามเข้าไปในคอ หรือลามเข้าไปในช่องอกได้

นพ.ปวิชญ์ วิรัชศิลป์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร โรงพยาบาลในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” เปิดเผยว่าเคสก้างปลาและเคสวัตถุแปลกปลอมติดคอเป็นสถิติในปี 2562 พบว่า เฉลี่ยแล้วพบเคสดังกล่าวกว่า 144 เคสต่อปี หรือเฉลี่ยสัปดาห์ละประมาณ 3-4 เคสเลยทีเดียว

เมื่อก้างปลาติดคอ ส่วนใหญ่ มักจะมีอาการเจ็บจี๊ดเฉียบพลัน กลืนน้ำลายแล้วเจ็บ รวมทั้งสามารถบอกตำแหน่งได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่บริเวณใด

สำหรับวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นสามารถดื่มน้ำแล้วกลั้วคอแรงๆ หากเป็นก้างปลาขนาดเล็กจะสามารถหลุดออกเองได้ แต่หากยังไม่หลุดควรมาพบแพทย์ทันที

นพ.ปวิชญ์กล่าวอีกว่า หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อและสารพัดวิธีการปฏิบัติหากมีก้างปลาติดคอ ไม่ว่าจะเป็น การปั้นข้าวเหนียว การรับประทานกล้วย หรือมาร์ชเมลโล แล้วกลืนเพื่อดันก้างปลาให้หลุด หรือการใช้นิ้วล้วงคอ นับว่าเป็นความเชื่อและวิธีการที่ผิด เพราะในความเป็นจริงแล้วก้างปลาที่ใหญ่จะไม่สามารถหลุดออกได้ และการรับประทานอาหารดังกล่าวลงไป หรือแม้แต่การใช้นิ้วล้วงคออาจดันให้ก้างปลาติดลงไปลึกกว่าเดิมและทำให้เกิดแผลอีกด้วย

นอกจากนี้ ความเชื่อว่าการดื่มน้ำมะนาวแล้วจะทำให้ก้างปลาอ่อนนุ่มลงก็ไม่เป็นความจริง เพราะน้ำมะนาวไม่สามารถทำให้ก้างปลาละลายและหลุดหายไปเองได้ และยิ่งดื่มน้ำมะนาวในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารอีกด้วย

สำหรับแนวทางการตรวจและรักษา เมื่อมีอาการก้างปลาติดคอนั้น แพทย์ซักประวัติก่อนว่าทานปลาชนิดใด และก้างปลาติดคอมานานแค่ไหนแล้ว มีอาการเจ็บที่บริเวณตำแหน่งไหนบ้าง โดยการตรวจเบื้องต้นจะใช้ไฟฉายคาดบริเวณศีรษะ ใช้ไหมกดลิ้น เพื่อหาเศษก้างปลาในบริเวณที่มักพบบ่อยๆ

กรณีเคสที่หาก้างปลาไม่เจอ หรือเคสที่ก้างปลาติดในตำแหน่งลึก อาจจำเป็นต้องใช้กล้องขนาดเล็กส่องผ่านเข้าทางจมูกลงไปในบริเวณลำคอ หรือใช้ฟิล์มเอกซเรย์ เพื่อช่วยให้มองเห็นตำแหน่งที่แน่ชัดและใช้ที่คีบ คีบก้างปลาออกมา และหากใช้วิธีดังกล่าวแล้วยังหาไม่เจอแต่ยังมีอาการ เจ็บมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ อาจต้องทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์(CT Scan) เพื่อรักษาต่อไป

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ อื่นๆ สามารถขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ได้ทั้ง 9 แห่ง และสามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ ที่เฟซบุ๊ก : Principal Healthcare Company

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน