รายงานพิเศษ

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา สถาบันราชานุกูลให้กับ ผู้ป่วย เปิดงาน “มอบความสุขนี้ให้แม่ : Happiness for Mom” เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2560 ร่วมด้วย พล.อ.วันชัย เรืองตระกูล ประธานมูลนิธิเพื่อสถาบันราชานุกูล ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล เพื่อให้ลูกๆ ที่บกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญาได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อผู้เป็นแม่ โดยภายในงานได้จัดให้มีเด็กพิเศษที่เป็นผู้ป่วยในนำพวงมาลัยไปไหว้แม่ บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง แม่และลูกๆ ได้แสดงความรักต่อกัน

น.ส.ดลยา เประกันยา หรือ แม่น้ำ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่ของ น้องมินนี่ วัย 4 ขวบครึ่ง เล่าว่า เป็นคุณแม่ของลูกๆ ทั้งสองคน โดยมีพี่ชายของน้องมินนี่อีกคนที่ต้องเลี้ยงดู โดยเริ่มผิดสังเกต น้องมินนี่ตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ ว่าน้องมีอาการต่างจากเด็กทั่วไปคือ ไม่สบตา พัฒนาการต่างๆ ไม่เป็นไปตามวัย จึงได้พาน้องไปหาหมอ ซึ่งหมอได้วินิจฉัยว่าน้องเป็นออทิสติก และได้ส่งตัวมาที่สถาบันราชานุกูลเพื่อให้แพทย์ที่เชี่ยวชาญดูแล หลังจากได้รับคำแนะนำต่างๆ จากสถาบันราชานุกูลแม่ก็ได้ปฏิบัติตาม ทำให้น้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น จากที่ปกติเป็นเด็กเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ ตอนนี้ก็สดใสร่าเริง

“การเลี้ยงน้องที่เป็นเด็กออทิสติกก็เหมือนเป็นการทดสอบตัวแม่ไปด้วย เพราะถ้าวันไหนเราอารมณ์ไม่ดีลูกก็จะรับอารมณ์นั้นไปจากเราทันที เราจึงต้องเป็นคนที่คุมอารมณ์ต่างๆ ให้ได้และไม่ไปลงที่ลูก ตอนนี้แม่มีอาชีพขายอาหารตามสั่ง ทำคนเดียวแต่ต้องดูแลลูกสองคน โดยกิจวัตรทุกวันที่ต้องทำคือ เช้าตื่นมาส่งน้องมินนี่ที่สถาบันราชานุกูลแล้วก็กลับไปขายของต่อ ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร เพราะทุกวันได้เห็นพัฒนาการลูกก็มีความสุขมากแล้ว”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการอ่านบทกลอนรำลึกบุญคุณแม่ จากน้องๆ เด็กพิเศษ การแสดงภาพวาดต่างๆ จากฝีมือเด็กพิเศษ และการแสดงดนตรีไทยของน้องช่อแก้วเด็กดาวน์ซินโดรมวัย 10 ขวบ ซึ่งเล่นขิมในเพลงพระคุณแม่ ได้อย่างไพเราะไม่ต่างจากเด็กธรรมดาทั่วไป

นางนาภานินี ธรรมธัชพิมล แม่น้องช่อแก้ว เล่าว่า ครอบครัวเราทราบตั้งแต่วันแรกที่น้องคลอดว่าน้องมีอาการดาวน์ซินโดรม ดังนั้น จึงได้เข้าเป็นผู้ป่วยในที่สถาบันราชานุกูลตั้งแต่ตอนนั้น แพทย์ก็ได้แนะนำการดูแลน้องมาตลอด ตั้งแต่ให้เริ่มสอนหนังสือน้องตอนอายุ 8 เดือน จนกระทั่งตอนอ่านหนังสือออกตอน 4 ขวบ ให้นวดปากกดลิ้นตั้งแต่เล็กเพื่อให้น้องมีปากมีลิ้นที่ปกติ และแพทย์ได้แนะนำว่าเด็กเหล่านี้จะมีสมาธิมากกว่าคนอื่นๆ แม่จึงเริ่มให้เรียนขิมตอนอายุ 5 ขวบ พบว่าน้องจำเส้นขิมได้ดี ความจำดีมาก ตอนนี้สามารถเล่นขิมได้แล้วกว่า 30 เพลง เพลงที่น้องชอบและชอบเล่นมากคือเพลงใกล้รุ่ง เพลงสายฝน นอกจากนี้ยังให้เรียนเปียโนเพิ่มน้องเองก็ชอบมาก

“แม่ออกจากงานมาดูแลน้องทุกอย่างเพื่อฝึกพัฒนาการให้เขาตามที่คุณหมอแนะนำจนเขาพูดคุยรู้เรื่อง มีพัฒนาการที่ดีสามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ ตอนนี้น้องเรียนอยู่ ป.5 แล้ว มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกวัน ส่วนพ่อจะคอยช่วยดูแลเรื่องการซ้อมดนตรีของเขา ครอบครัวเราจึงมีความสุขมากที่เห็นน้องมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางสมองและจิตใจ ตอนนี้น้องเริ่มอยากจะช่วยทำงานบ้านต่างๆ เราก็มีความสุขที่ได้ดูแลเขา” นางนาภานินีกล่าว

แม่ที่ได้ดูแลลูกที่เป็นเด็กพิเศษแม้จะต้องเหนื่อยกว่าแม่ปกติ แต่ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นความสุขอย่างที่สุด หากได้เห็นพัฒนาการของลูกดีวันดีคืน

สิ่งสำคัญเมื่อมีลูกๆ เป็นเด็กพิเศษนั้น คือเมื่อพบว่าลูกเริ่มมีความผิดปกติให้เห็นไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรพาลูกเข้าพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญทันที โดยเฉพาะสถาบันราชานุกูลที่มีประสบการณ์และมีแพทย์ให้การดูแลเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด จะทำให้ลูกสามารถเติบโตมีพัฒนาการที่ดี และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน