มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนาหัวข้อ “สิทธิเพศทางเลือก กับอนาคตสังคมไทย” เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ผศ.ดร.มาตาลักษณ์ ออรุ่งโรจน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยเปิดเผยเพศทางเลือกมากขึ้น แต่ยังเล็งเห็นถึงปัญหาด้านกฎหมายที่ไม่รองรับสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ กรณีเพศ ทางเลือกแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ คำนำหน้าในเอกสารสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวัน, พ.ร.บ.ความเท่าเทียมด้าน การทำงานกับทัศนคติของคน ในสังคม, กฎหมายรับรองครอบครัว กฎหมายการจดทะเบียนสมรสกับการใช้ชีวิตครอบครัว

ปัญหาการใช้คำนำหน้า ในเอกสารสำคัญเป็นปัญหารากฐานที่นำมาสู่ประเด็นพื้นฐานการใช้ชีวิต และการไม่มีที่ยืนในสังคมที่ชัดเจนของกลุ่มเพศทางเลือก การประกาศใช้ พ.ร.บ.รับรองเพศ จะเป็นการแก้ปัญหาพื้นฐานโดยเพศทางเลือกที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กฎหมายระบุไว้นั้น จะสามารถเลือกใช้คำนำหน้าได้ตามเพศวิถี และจะได้รับผลตามกฎหมายของเพศนั้นๆ การเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อนี้ยังถือเป็นการลดปัญหาความไม่ยอมรับด้านสังคมอีกทางด้วยเช่นกัน

แม้ในปัจจุบันมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมด้านการทำงานที่รองรับในประเด็นดังกล่าวในระดับหนึ่งแล้ว แต่การประกาศใช้ พ.ร.บ.รับรองเพศจะเป็นการแก้ไขประเด็นข้างต้นให้ครอบคลุม และช่วยลดความไม่เท่าเทียมของ พ.ร.บ.ดังกล่าวได้มากขึ้น

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นำไปสู่การเรียกร้องสิทธิของกลุ่มเพศทางเลือกทั่วโลก โดยกฎหมายที่ไม่รองรับการใช้ชีวิตคู่ของเพศทางเลือกส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ด้านกฎหมายมากมาย เช่น การใช้สิทธิแทนคู่สมรส การรับรองสิทธิหากคู่สมรสเสียชีวิต รวมไปถึงการรับบุตรบุญธรรม ซึ่งตามกฎหมายปัจจุบันไม่ได้ระบุห้ามไว้แต่อย่างใด แต่เมื่อมีการรับรองคู่สมรสของเพศทางเลือกจะช่วยปรับทัศนคติคนในสังคมและทำให้เรื่องดังกล่าวเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

“อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายแล้ว พ.ร.บ.รับรองเพศ ไม่ได้ประกาศใช้ในประเทศไทย สิ่งที่ภาครัฐบาลควรเล็งเห็น คือ การเปิดเผยและการเติบโตขึ้นของจำนวนประชากรเพศทางเลือกในประเทศไทย และปัญหาต่างๆ ด้านสิทธิความไม่เท่าเทียมของประชากรเพศทางเลือก ทั้งในด้านการใช้ชีวิตประจำวัน ความไม่เท่าเทียมในการทำงาน ด้านการสมรสและการใช้ชีวิตครอบครัว ภาครัฐควรหาแนวทางเพื่อตอบสนองการ ดูแลประชากรอย่างครอบคลุม” ผศ.ดร.มาตาลักษณ์กล่าว

ด้าน อาจารย์วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่ตนยังเป็นวัยรุ่น การแสดงออกของเพศทางเลือกยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก ทุกอย่างถูกปิดกั้นและมีความไม่เท่าเทียมสูง ทั้งในแง่การเรียนและการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องแต่งกายให้ตรงตามเพศสภาพ หรือแม้กระทั่งบุคลากรที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติก็ถูกกีดกันไม่ให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะชักจูงลูกศิษย์ให้มีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศ แต่ในปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก เปิดกว้างมากขึ้น และชี้วัดบุคคลที่ความสามารถมากกว่าเพศสภาพเป็นลำดับ แต่ใน ขณะเดียวกันก็มีในบางบริบทที่ยังไม่เปิดรับมากนัก หาก พ.ร.บ.รับรอง เพศ ผ่านการพิจารณาและประกาศใช้เป็นทางการแล้ว ปัญหาที่เคย เกิดขึ้นอันสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมทางเพศ จะหมดไป

ในมุมมองของ นายชวิน ศรีสมวัฒน บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเสริมว่าตนค่อนข้างโชคดีที่ตลอดการเรียน 4 ปีการศึกษาที่ มธ. มีเสรีภาพในการแสดงออกทางเพศ ทั้งการแต่งกายในชุดนักศึกษาหญิงเข้าเรียน และการสวมชุดครุยรับปริญญา ทำให้รู้สึกเท่าเทียมและไม่แปลกแยกจากเพื่อนคนอื่น

แต่ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็ได้รับผลกระทบในบางบริบทของสังคม เมื่อต้องสัมภาษณ์เพื่อเข้าฝึกงานบริษัทแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า นโยบายของบริษัทไม่รับบุคคลที่แต่งกายตรงข้ามกับสถานภาพทางเพศ จึงทำให้ต้องหาที่ฝึกงานใหม่ หาก พ.ร.บ.รับรองเพศผ่านการอนุมัติและดำเนินการใช้จริงแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญยิ่งในการทลายกำแพงความเหลื่อมล้ำให้เบาบางลง เกิดความเข้าใจที่ดีและยอมรับในความแตกต่างของแต่ละบุคคล รวมถึงไม่ตัดสินบุคคลอื่นเพียงแค่เพศสภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน