“นพพล สันติฤดี”

ญี่ปุ่น หนึ่งในประเทศที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำและนวัตกรรมสร้างบ้านที่นำสมัย ทั้งเรื่องประหยัดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน การใช้สอยพื้นที่คุ้มค่า จึงเป็นหมุดหมายที่เหมาะสมในการเปิดประสบการณ์ให้ 4 นักศึกษาไทย จากโปรแกรมวิศวกรรมโยธา และโปรแกรมการตลาดและการขาย ที่มีผลงานโดดเด่นจากการฝึกงานในโครงการ เอพี โอเพ่นเฮ้าส์ 2017 ชีวิตจริงยิ่งกว่าทฤษฎี โดยบินลัดฟ้าไปเยี่ยมชมและศึกษาดูงานกับ “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป” กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

4 นักศึกษาไทย ประกอบด้วย ก้อง นายคมกฤช สิทธิการ นักศึกษาชั้น ปีที่ 3 คณะวิศวกรรม ศาสตร์ สาขาวิชาโยธา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, ภัทร น.ส.ภัทรภร ลายอักษร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ สาขาธุรกิจศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, น้องฟ้า น.ส.วรนิษฐา โกมลพิสิฐ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาโยธา สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร และ น้องแจ็คเก็ต น.ส.ศุภิสรา พงค์โสภี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สถานที่แรกที่นักศึกษาไทยเข้าเยี่ยมชมคือ 3×3 Lab Future แล็บแห่งอนาคต ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 859 ตารางเมตร ในอาคาร Otemon ซึ่งแบ่งเป็น 11 โซน จุดมุ่งหวังของอาคารดังกล่าวเพื่อช่วยส่งเสริมและขับเคลื่อนพลังความคิดสร้างสรรค์ โดยมีทั้งนวัตกรรมปลูกต้นไม้ในอาคาร นวัตกรรมควบคุมอุณหภูมิ (ส่วนบุคคล) เทคโนโลยีการตรวจวัดระดับความเครียด ที่คิดค้นขึ้นเพื่อรองรับและเฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมการทำงานของคนญี่ปุ่น

พร้อมเยี่ยมชมโครงการบ้านและคอนโดฯ ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ชมเซลส์ แกลเลอรี่ ที่แตกต่างจากประเทศไทย เรียนรู้เทคนิควิธีการขายแบบละเอียดและเจาะลึก พร้อมชมนวัตกรรมปรับหมุนเวียนอากาศอัจฉริยะ นวัตกรรมมอนิเตอร์การใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ที่ควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างสะดวก เทคนิคการสร้างบ้านโดยไม่มีเสาเข็ม และสามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว

นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานทรัพยากรบุคคล บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) และผู้อำนวยการสถาบัน เอพี อะคาเดมี่ กล่าวว่า โครงการเอพี โอเพ่นเฮ้าส์ ภายใต้สถาบัน “เอพี อะคาเดมี่” มีเป้าหมายถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาฝึกฝนความคิด และทักษะผ่านการลงมือปฏิบัติจริงอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้น้องๆ เห็นภาพรวมการทำงานที่เป็นรูปธรรม มุ่งหวังพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ให้สามารถสร้างสรรค์โครงการคุณภาพและตอบโจทย์โลกที่หมุนเร็ว

“เราอยากให้เขาเห็นตัวเองเยอะขึ้น และเติบโตอย่างแข็งแรง เด็กที่มาฝึกงานจะเรียนรู้การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวดเร็ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และสังคมไทย” นายภูมิพัฒน์แสดงความมุ่งมั่น

ขณะที่ตัวแทนนักศึกษาไทยที่มาดูงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความรู้มากมายจากการดูงานครั้งนี้

ก้อง นายคมกฤช สิทธิการ เล่าว่าได้เห็นกระบวนการก่อสร้างที่มีระบบและไม่เหมือนกับที่มีในประเทศ ไทย ในไซต์งานก่อสร้างเน้นความปลอดภัยมาก ทั้งยังสะอาด ไม่เปียกชื้น แตกต่างจากบ้านเรา ใส่ใจผู้ที่จะเข้ามาอยู่อาศัย โดยเน้นตั้งแต่โครงสร้างบ้าน การวางท่อระบายน้ำ มิเตอร์น้ำ ที่ฝังลงดินทั้งหมด

“ได้ประโยชน์จากการมาดูงานครั้งนี้อย่างมาก ทั้งด้านความรู้ ความเข้าใจด้านวิศวกรรม ที่สามารถนำกลับมาใช้ในการเรียนและการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการสร้างบ้านรับมือแผ่นดินไหวทั้งที่เป็นโครงสร้างไม้ ผมจะนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ในประเทศเราซึ่งช่วงหลายปีหลังประเทศไทยเริ่มมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวบ่อยขึ้น

สำหรับประเทศเราเวลาจะสร้างอะไรจะคิดถึงเรื่องต้นทุนเป็นอันดับแรก แต่ที่นี่เขาคิดถึงคนอยู่ คิดถึงสิ่งแวดล้อมมาก่อน ฉะนั้นในความแตกต่างกันของ 2 ประเทศ ความรู้ที่จะนำไปใช้ต้องประยุกต์ให้เข้ากับสภาพสังคมบ้านเรา” หนุ่มก้องกล่าว

ด้าน น้องภัทร น.ส.ภัทรภร ลายอักษร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ได้จากการมาดูงานครั้งนี้คือการทำการตลาดที่แตกต่างกันมากระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ที่นี่วิเคราะห์ตลาดลึกและละเอียดมาก เช่น หากคู่แข่งของเขาไปซื้อที่ดินที่ซื้อได้ยาก เขาก็จะวิเคราะห์ว่าทำไมถึงซื้อได้ ทำอย่างไรจะทำตลาดแข่งกับคู่แข่งได้ นอกจากนี้เวลาจะขายยังให้ลูกค้าเลือกชุดวัสดุอุปกรณ์ที่จะมาสร้างบ้านได้ตามต้องการ ทั้งสี กำแพง พื้น สุขภัณฑ์ เน้นบริการลูกค้าเป็นหลัก

“เวลาจะสร้างคอนโดฯ เขาจะสำรวจและฟังเสียงผู้บริโภค มีโมเดล ผังเมือง ให้ลูกค้าเห็นชัดเจน เน้นประสบการณ์ตรง ความรู้ที่ได้นี้สามารถนำไปต่อยอดในการเรียนและการทำงานในอนาคต” น้องภัทรกล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน