พัฒนาโดย Clap Hanz กับ SIE Japan Studio
จัดจำหน่าย Sony
ราคาใน PSN สโตร์ไทย 1,190 บาท (ขนาดไฟล์ระบุไว้ว่า 7.8 GB แต่โหลดจริงใช้พื้นที่ประมาณ 13 GB)
ยุคสมัยที่เครื่องเกม PS1 ยังครองตลาดเกมบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่บ้านตัวเอง บ้านเพื่อน หรือตามร้านเกมห้องแถว ฯลฯ เชื่อว่าชื่อเสียงของเกมๆ หนึ่งย่อมคุ้นหูทุกคนอยู่บ้างนะครับ…นั่นคือ เกมกอล์ฟ, มินนาโนะกอล์ฟ, ฮ็อตช็อตกอล์ฟ ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไร…เจ้าเกมๆ นี้ก็ครองตำแหน่งเกมกอล์ฟมหาชนมาได้อย่างสง่างาม เพราะนอกจากคุณความดีที่สั่งสมมานานแล้ว ตัวเกมที่เน้นระบบไม่ซับซ้อน เหมาะใช้เล่นด้วยกันกับเพื่อนนี้แหละ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่สุดที่ใช้ครองใจเกมเมอร์ทั่วโลก
มาถึงทุกวันนี้ ทางทีมงานเบื้องหลังได้ปรับเปลี่ยนชื่อเกมมาเป็น Everybody”s Golf ให้เหมือนกันหมดทุกโซน ซึ่งก็ยังมีการผลิตภาคใหม่ออกมาเรื่อยๆ จนมาถึงภาคล่าสุดในครั้งนี้ และถ้านับกันจริงๆ Everybody”s Golf (PS4) คือเกมที่ 12 ในแฟรนไชส์เข้าไปแล้ว
สำหรับความสดใหม่ของภาคนี้เริ่มตั้งแต่คุณเปิดเกมเข้าสู่หน้าแรกของเมนู เพราะตัวเกมเลือกใช้รูปแบบของมหกรรมกีฬาของจริง ผมหมายความว่าตัวเกมใช้ระบบ Hub World หรือมีพื้นที่ส่วนกลาง(คล้ายสวนสนุก) ไว้ให้ตัวละครที่ผู้เล่นสร้างขึ้นมาได้เดินไปเดินมาเพื่อเลือกเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์กอล์ฟรายการต่างๆ หรือใช้ท้าดวลกับตัวละคร NPC รวมไปถึงการตั้งก๊วนออกรอบกับบรรดานักกอล์ฟออนไลน์คนอื่นๆ
รูปแบบ free-roam ในลักษณะนี้ยังรวมไปถึงเมื่อเวลาที่คุณอยู่ระหว่างการแข่งขันด้วยนะครับ เพราะระหว่างเล็งเหลี่ยมเล็งมุมในการตีอยู่นั้น คุณอาจจะกดเลือกที่จะออกเดินอย่างอิสระเพื่อสำรวจสภาพพื้นที่ของสนามกอล์ฟได้อย่างละเอียด (หรือจะทอดน่องชมวิวก็ได้นะ เพราะฉากสวยมากเลยครับ)
ซึ่งการพัฒนาเกมในรูปแบบนี้ผมถือว่าทำได้ดีมากๆ เพราะเชื่อว่าแฟนเกมดั้งเดิมทั้งหลายน่าจะอยากได้โอกาสในการสัมผัสกรีนสวยๆ ของสนามที่แต่เดิมทำได้แค่ดูอย่างเดียวเท่านั้น…ส่วนนี้ผมให้คะแนนไปเต็มๆ เลย
ในด้านของระบบการตีลูก…ขอบอกเลยว่าเหมือนเดิมเป๊ะครับ ทว่า ประเด็นนี้นับเป็นเรื่องดี!
ทำไมผมถึงบอกว่าดี…นั่นก็เพราะ รูปแบบ “การกด 3 ครั้ง” ถือเป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุดของเกมแนวนี้ ที่สำคัญมันยังถือเป็นลายเซ็นประจำซีรีส์ที่ใครๆ ก็ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ยิ่งแฟนเกมเก่ามาเจอปุ๊บก็เล่นได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมให้วุ่นวาย
เริ่มด้วยการกดครั้งแรก จากนั้นกดเพื่อเลือกพลังในการตี กดอีกครั้งตอนสุดท้ายเพื่อกำหนดค่าความแม่นยำ โดยระหว่างที่แถบพลังยังเคลื่อนที่อยู่นั้น คุณอาจใช้ปุ่มทิศทางด้านซ้ายกดเลือกตำแหน่งในการกระทบลูก (เพื่อให้ได้ลูกท็อปสปิน, แบ็กสปิน หรือลูกไซด์โค้ง) เมื่อลูกลอยไปในอากาศ ปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลก็ยังคงเหมือนภาคเก่าๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นแรงลม ต้นไม้สูง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ใครเคยเล่นน่าจะนึกกันออก
มาดูกันที่จุดแข็งสำคัญของภาคนี้กันบ้าง นั่นก็คือการปั้นตัวละครให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ คล้ายเกม RPG ที่ Everybody”s Golf แบ่งกรณีนี้ออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ นั่นคือ สกิลความสามารถ กับ เสื้อผ้าหน้าผม
ทุกครั้งที่คุณตีดี ตัวละครก็ได้รับค่าความสามารถในด้านนั้นๆ เพิ่มขึ้น เช่น กดตีแรงได้เต็มหลอดบ่อยครั้ง ตัวละครก็จะแกร่งขึ้นจนหลังๆ อาจตีหลุมพาร์ 5 แบบออนกรีนได้ตั้งแต่ทีออฟ หรือชอบตีแบ็กสปิน ก็จะปั่นลูกถอยหลังเก่งขึ้นตามลำดับ นั่นเอง
ส่วนเสื้อผ้าหน้าผม ก็เป็นเรื่องของแฟชั่นที่ผู้เล่นสามารถได้มาจากการนำเงินที่สะสมได้ในเกมไปซื้อมาเพิ่ม หรืออีกวิธีคือได้จากผู้แพ้ในเกมแบบดวลกันตัวต่อตัว และนอกจากเครื่องแต่งกายแล้ว ไม้กอล์ฟพิเศษกับลูกกอล์ฟ ก็ถือเป็นไอเท็มสำคัญคล้ายกับอาวุธติดตัวในเกม RPG เลยล่ะครับ
ขอบอกเลยว่าระบบที่กล่าวไปนี่ช่วยสร้างความสนุกได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมช่วยให้เล่นเกมได้ยาวๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อไปเสียก่อน โดยเฉพาะสำหรับคนที่เล่นคนเดียว ไม่ค่อยได้ใช้ Everybody”s Golf เล่นร่วมกันกับเพื่อนฝูง การปั้นตัวละครให้เก่งเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับสูงกับพวก NPC ก็ถือเป็นความท้าทายที่น่าลิ้มลอง
หากแข่งกับพวก AI เบื่อแล้วก็ขอท้าให้ลองเล่นกับคนอื่นทางออนไลน์ดูครับ แล้วคุณจะได้พบกับหน้าตาที่แท้จริงของเกมนี้ เพราะสนุกเร้าใจแบบ “ลุ้นทุกชอร์ต” อย่างแท้จริง ที่สำคัญมีหลายโหมดให้เลือกเล่น ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นแข่งขันกันตามกติกาปกติ มีที่แปลกหน่อยก็คือ Turf War ที่จะแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองทีม แต่ละทีมมีได้สูงสุดถึงสิบคน โดยทั้งสองฝั่งต้องแข่งกันออกรอบให้ได้จำนวนหลุมมากที่สุดในเวลาที่กำหนด …จะสนุกแค่ไหนท้าให้ลองครับ
ประเด็นสุดท้ายคือความสวยงามของโลกในเกม โดยเฉพาะฉากในสนามช่วงท้ายๆ ที่ผู้เล่นต้องปลดล็อกให้ได้เสียก่อนนั้น งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก…ใครจะนึกว่าการออกรอบตีกอล์ฟ(ในเกม) และชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย จะสร้างความเพลิดเพลินได้ถึงเพียงนี้
คะแนน 4.5/5
