“นทธี ศศิวิมล”

เฉลว หรือสิ่งที่คนแถวบ้านฉันเรียกว่า ตาเหลว แทรกอยู่ในหลายโอกาส หลายพิธีกรรม ฉันมักเห็นเฉลวที่หมอต้มยาเอาเสียบไว้ที่หม้อยา เพื่อให้ยาหม้อคงคุณภาพตามความเชื่อ เห็นตาเหลวแขวนตามบ้านงานเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย คอยดักจับผีไม่ดีที่จะมาทำลายทำร้ายงานหรือคนในบ้าน ตาเหลวที่ปักอยู่ที่คันนา แม่เคยบอกว่าจะช่วยปกป้องข้าวในนาให้อยู่รอดปลอดภัย ได้ผลผลิตดี แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เฉลวยังมีอีกความหมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน

เฉลวเป็นสิ่งที่พระยมหรือมัจจุราชใช้ในการตามจับภูตผี วิญญาณ (ยมบาศ) จึงมักใช้เฉลวเพื่อการกันผีอะไรต่ออะไรในหลายโอกาสด้วย ดังนั้นการที่ทารกเพศชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมปานแดงสดรูปร่างคล้ายเฉลวห้าแฉกที่หลังมือขวา ในบ้านที่พ่อกับแม่เป็นคนธรรมะธัมโม แถมไม่ชอบเรื่องผีๆ จึงเป็นความประหลาดยิ่ง

อันที่จริงสิ่งที่ทำให้คนรอบข้างต่างแปลกใจ คือเด็กทารกคนนั้นเกิดกับพ่อแม่ที่มีผิวขาวเหลือง แต่กลับออกมาผิวแดงดำ ผมหยิกสั้น ตัวค่อนข้างโตบึกบึน ดวงตาดุ เสียงร้องก้องกังวานห้าวผิดทารกทั่วไปจนหลายคนที่ได้ยินถึงกับสะดุ้ง คนเฒ่าคนแก่เชื่อกันว่า เด็กคนนี้เป็นร่างอวตารของพระยม ที่เกิดมาเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ต้องเป็นทุกข์เพราะผี แต่พ่อแม่ของเด็กไม่เชื่ออย่างนั้น พวกเขาเลี้ยงดูลูกชายของเขาเป็นอย่างดี ตั้งชื่อลูกว่าหมิ่นหม้อ(เขม่าดำที่ติดก้นหม้อ) ตามที่ยายของเด็กทักเอาไว้ว่าให้ตั้งชื่อน่าเกลียดๆ เพื่อหลอกผี ผีจะได้ไม่อยากมายุ่งหรือลักตัวเอาไปเป็นลูก เวลาเรียกลูกสั้นๆบางทีก็เรียก ลูกหม้อ ลูกหม้อ

เลี้ยงดูกันมาตามปกติเด็กก็เติบโตแข็งแรงดีเหมือนเด็กทั่วไป ทั้งที่ดูภายนอกบึกบึน แต่ก็มีความอ่อนโยน และมีเมตตา ชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ เสมอเช่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา แต่พอเด็กคนนี้เริ่มรู้ความ อายุสักห้าขวบแกก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆ คือแกมักจะขอให้พ่อกับแม่พาไปบ้านคนที่เจ็บป่วย อาการแปลกๆ ใกล้จะตายอยู่ที่บ้าน พอไม่พาไปก็รบเร้าจนทนไม่ไหว ต้องยอมพาไป แล้วหมิ่นหม้อก็จะเดินขึ้นบ้านคนป่วยนั้น เอามือขวาที่มีปานเฉลวแตะไปตามบริเวณบ้าน ก่อนที่จะเข้าไปแตะตัวคนป่วย แล้วหลังจากนั้นคนป่วยก็จะหายจากอาการป่วยอย่างน่ามหัศจรรย์ภายในวันนั้น

เป็นอย่างนี้อยู่สักสามสี่ราย บ้านของหมิ่นหม้อก็เริ่มมีคนแวะเวียนไปหามากขึ้น ขอร้องพ่อแม่ของเด็ก ให้พาไปรักษาคนป่วยที่บ้าน จากที่เรียกตามพ่อแม่เด็กว่าลูกหม้อ ก็พากันเรียกว่าลูกหมอ ด้วยความพินอบพิเทาเป็นพิเศษ แต่นอกจากหมิ่นหม้อจะไม่ยอมไปตามที่เขาเชิญแล้ว ยังเริ่มเก็บตัว ไม่ค่อยยอมพูดจากับใครอีกด้วย พ่อแม่ของหมิ่นหม้อก็เริ่มเครียด และขอร้องไม่ให้ใครแห่กันมาที่บ้านอีก

หลังจากนั้นเมื่อมีเหตุประหลาดที่เขาว่าผีเข้า คนโดนของ หรือคนที่ป่วยประหลาดๆ เด็กหมิ่นหม้อก็จะขอให้พ่อแม่พาไปเอง และก็จัดการจนอยู่มือด้วยการเอามือขวาแตะเบาๆเท่านั้น ฉันเคยเห็นกับตาครั้งหนึ่ง ป้าข้างบ้านฉันเขาว่าโดนผีกละสิง กลางคืนลงมาหักคอไก่กินดิบๆ ตาขวาง ร้องด่าทุกคนที่เข้าใกล้ พอรู้ว่าหมิ่นหม้อเดินขึ้นบันไดเรือนมาเท่านั้นก็ลงดิ้นพราดๆทุรนทุราย ร้องกรี๊ดๆ ว่ากลัวแล้วๆ จนหมิ่นหม้อเดินไปเอามือขวาที่มีปานเฉลวแตะหัวเบาๆ ก็ร่วงทรุดลงหมดสติไป พอฟื้นได้สติมาก็กลายเป็นคนเดิมปกติ ไม่มีอาการประหลาดๆ อีก แกรักษาคนด้วยวิธีนี้จนโตเป็นหนุ่ม

แต่การที่จะไปรักษาไล่ผีใครนี้แล้วแต่ความประสงค์ของหมิ่นหม้อเองเท่านั้น หลายรายก็เลยโกรธ หมิ่นหม้อไม่ได้อธิบายอะไร แต่บอกว่า บางรายแกก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้หมิ่นหม้อกลายเป็นที่รู้จักในชื่อหมอเฉลว พ่อกับแม่แกเสียไปหมดแล้วเมื่อแกอายุได้ 18 ปี นอนหลับตายไปเฉยๆ แกจึงอยู่แต่บ้าน มีคนที่เคารพศรัทธาเอาข้าวน้ำมาเลี้ยงดูแลให้ไม่ขาด พ่อหมอเฉลวแม้จะมีโอกาสในอามิสเงินทองแต่แกยืนยันไม่รับเงินใครทั้งนั้น บางรายเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเด็กนอนฝันร้าย แม่ยายเจ็บคอ แกก็สานก้านมะพร้าวหรือใบลานทำเฉลวให้ไปแขวนหรือเสียบหม้อต้มยาพอให้เป็นกำลังใจโดยไม่คิดเงินเช่นกัน

มีคนมาถามหมอเฉลวว่า แกช่วยใครต่อใครมามากแบบนี้ อยากได้หรืออยากทำอะไรในชีวิต แกนั่งเหม่ออยู่ แล้วว่า สิ่งที่อยากทำนั้นทำไม่ได้ในชาตินี้ อยากบวชอยู่ใต้ร่มกาสาว พัสตร์ส่งบุญให้พ่อกับแม่ที่ล่วงลับ แต่พอถามต่อว่าทำไมถึงทำไม่ได้แกก็ไม่ได้ตอบอะไร

เรื่องของหมอเฉลวนี้คงเรียบเรื่อยไป เป็นเหมือนตำนานของปู่จ๋านหลายๆ คนที่อาจจะเสริมแต่งบ้างด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ พอ สมสนุก แต่ทว่าในปีที่แกอายุได้ 25 ปีพอดีนั้นเองก็มีเรื่องราวหนึ่งที่ทำให้หมอเฉลวกลายเป็นที่รู้จักกันแทบทั้งภาคเหนือ เมื่อเกิดเรื่องน่าขนลุกขึ้นในวันที่หญิงสาวท้องโตคนหนึ่งถูกหามปีกเดินตาลอยเข้ามาขอความช่วยเหลือที่บ้านของแก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน