“วีรนุช จันทำ”

ปลงผมบวชชีเป็นเวลา 6 วัน นับจากวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ณ เสถียรธรรมสถาน กับการบวชพุทธสาวิกาศีล 10 ข้อ ในโครงการ “70 ปี 70 ล้านความดี อนุสาวรีย์มีชีวิต ถวายพ่อ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อตอบแทนคุณบุพการี รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกสาว ‘น้องณิริน’ สำหรับดารา-ผู้จัดสาวชื่อดัง ‘หนิง’ปณิตา ธรรมวัฒนะ

ซึ่งหลังจากลาสิกขาแล้วเจ้าตัวก็มาเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตสงบ เรียนรู้พระธรรม หลุดจากโลกภายนอกให้ฟัง โดยเผยว่า “เราไม่เคยรู้เลยว่าที่เขาพูดกันว่า ‘ความสุข’ มันคือยังไง แต่ที่นี่เรารู้ว่าความสุขมันคือยังไง ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องเหนื่อยแรง เพียงแค่วางมันในใจเราเท่านั้นเอง”

“โดยวิถีชีวิตหนิงจะชอบบริหารจัดการทุกอย่าง ด้วยความที่เป็นพี่คนโต ดูแลน้อง และทำงานตั้งแต่เด็ก ก็จะมีภาวะความเป็นผู้นำสูง ไม่เคยถอยหรือนั่งนิ่งๆ มองแล้วฟัง แต่อยู่ที่นี่ด้วยธรรมะจัดสรร ได้เจอหลายๆ คนที่มีปัญหาครอบครัว และบังเอิญได้สนทนากัน การที่หนิงได้เป็นผู้รับฟังผู้อื่น ฟังด้วยใจ พอเป็นผู้ฟังก็จะเป็นผู้ที่มองหาทางออกได้ดีกว่าและแนะนำไป แล้วแววตาของผู้ที่ได้รับฟังตอบกลับมามันอิ่ม อยู่ที่นี่เราได้พูด ได้ฟัง ในสภาวะจิตที่ดี”

อยู่ในโลกแห่งธรรม ที่นี่หนิงได้เจอกัลยาณมิตรที่ดี หนึ่งในนั้นเป็นอดีตนักร้องสาว ‘อัยย์’พรรณ วีรานุกูล ที่ปลงผมบวชชีเข้าโครงการเดียวกับเธอ

“อยู่ในนี้หนิงโชคดีมาก เจอแต่กัลยาณมิตรที่ดี อย่างแม่ชีอัยย์ก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดี ปกติหนิงจะเจอแต่น้องๆ มาคุยเรื่องของตัวเองให้ฟัง หนิงเป็นผู้ใหญ่สำหรับคนอื่น แต่แม่ชีอัยย์เป็นผู้ใหญ่ในกลุ่มเรา หนิงจะคุยเรื่องของตัวเองให้แม่ชีอัยย์ฟัง มีอยู่วันหนึ่งนั่งสนทนากัน เขาบอกให้ลองดูสิ

วันนี้เรามีปัญหาอะไรกับใคร กับคนนั้นเรามีปฏิกิริยาท่าทีกับเขายังไง เขามีกับเรายังไง จะได้ดูว่าจริงๆ มันผิดที่เราหรือผิดที่เขา และหลายๆ อย่างที่ยาย (แม่ชีศันสนีย์) สอน ทุกคนมีเป้าหมาย มีความคาดหวัง ทุกคนอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากให้ถูกจริตเรา แต่วิธีการทุกคนจะใช้วิธีเดิมๆ ให้ลองเปลี่ยนวิธีการ

คือการละตัวตนของเรา อย่างเราคุยกับสามี เราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราเป็นมนุษย์ออกคำสั่งและเขาก็ทำตาม ซึ่งทำตามด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ถามว่าเขามีความสุขไหม เขาไม่มีความสุข แต่พอเราเปลี่ยนวิธีการพูด วิธีการคิด ละตัวตนได้ เป็นการฝึกอย่างหนึ่ง ก็มีเป้าหมายเดียวกันเลย”

ดาราสาวยอมรับว่า การบวชทำให้ท่าทีและมุมมองของเธอเปลี่ยนไป “ทุกอย่างที่เกิดมาบนโลกนี้มันแค่ใจเราเป็นคนคิดเท่านั้นเอง กายเราไม่ได้รู้สึกเลย แม่ชีอัยย์บอกว่าก่อนหน้านี้เขาไปเดินเหยียบมือสุนัขและรู้สึกขยะแขยง หงุดหงิด แต่พอเขากลับมาที่เสถียรฯ จริงๆ มันหลุดออกไปหมดแล้ว เพียงแต่ใจเขาคิด ก็ทำให้เราได้คิดนะ

อย่างแม่ชีอัยย์กลัวมือสุนัข ส่วนตัวหนิงกลัวฝุ่นกับดิน ยิ่งมีน้ำแฉะๆ นี่ยิ่งขยะแขยง แต่หนิงก็ออกไปบิณฑบาตด้วยคำแนะนำทางธรรมะที่แม่ชีอัยย์บอก ตอนแรกไม่มีความสุขหรอก เดินๆ เราก็คิด แต่พออยู่กับตัวเอง มีสติ กำหนดรู้ เหยียบหนอ รู้หนอ กลัวหนอ ขยะแขยงหนอ สักพักความรู้สึกนั้นมันก็หลุด ใจเราทั้งนั้นเลย และหลังจากวันนั้นหนิงออกไปบิณฑบาต เดินตลาดเปียกน้ำไม่รู้สึกอะไรเลย ณ ตอนนี้เหยียบแบบนั้นได้สบายๆ”

เรียกว่าเหมือนได้ละตัวตนเดิม หนิงพยักหน้า “เหมือนได้ล้าง ได้รู้จักวิธีการคลิกที่จะวางจากสิ่งต่างๆ เพราะเวลาไปไหนจะมีแต่คนบอกให้เราวางไว้ อย่าไปเก็บ คือมันวาง แต่วางยังไง วิธีการยังไง ถ้าเราไม่ได้มาปฏิบัติเราไม่รู้ สิ่งที่หนิงกลัวที่สุดคือถ้าหนิงกลับไปสู่โลกภายนอก ทุกคนจะคาดหวังกับหนิงว่าจะเห็นหนิง-ปณิตาเปลี่ยนไป ในภาพนี้ที่ข้างนอก ซึ่งในนี้มีแต่พลังงานดีๆ มีแต่สิ่งเร้าดีๆ แต่โลกข้างนอกพลังงานนี้มันน้อยกว่า

ฉะนั้นมันคือความท้าทาย หนิงบอกกับตัวเองว่าจะทำและจำอิริยาบถทุกอย่าง จำสภาวะจิตที่นี่ออกไป ทำได้หรือไม่ได้ไม่รู้ แต่มีความตั้งใจที่จะทำ และสิ่งหนึ่งที่คิดว่าทำได้แน่ๆ คือปวารณาตัวว่าจะกลับมาช่วยคุณยายที่นี่”

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าย้อนไปวันช่วงก่อนหน้าที่จะบวชว่า “วันก่อนบวชหนิงร้องไห้บอกพี่ต่อที่ดูแลกองงานประชาสัมพันธ์ที่นี่ว่าหนิงไม่อยากให้มีสื่อมา ถ้ามีมาหนิงจะไม่บวช หนิงกลัวสื่อ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหนิงกลัวอะไร แต่วันนี้หนิงคิดว่าทีเวลาเราแรงๆ เราไม่เห็นจะกลัวเลย พอทำดีทำไมจะกลัว เราคิดเอง จิตคิดไปเองว่าคนจะว่าเรามั้ย

เพราะหนิงไปเจอคำพูดซึ่งดันเป็นคำพูดคนใกล้ตัว ที่บอกว่า ‘อย่าบวชเลย เดี๋ยวบวชแล้วคนอื่นคิดว่าเราเป็นคนมีปัญหา’ คือวันนี้หนิงตอบได้เลยว่าถ้าไม่ไปคิดกับคำพูดเหล่านั้นและมุ่งมั่นในสิ่งที่เราทำดีก็จบแล้ว ทุกคนรักพระเจ้าอยู่หัว ร.9 มันเป็นช่วงดีๆ ที่ทำถวายพระองค์ท่าน และคุณแม่หนิงมีลูกผู้หญิง ไม่มีลูกผู้ชาย หนิงเคยคิดไว้ตั้งแต่วันที่มาปฏิบัติธรรมว่าวันนึงอยากจะทำแบบนี้

แต่แค่ไม่มีโอกาสทำ เพราะจะบอกติดงานนั่นนี่ แต่ครั้งนี้หนิงตัดสินใจทั้งที่มีงาน บอกคุณยายว่าเราพร้อมแล้ว ใจเราเต็มแล้ว และเชื่อมั้ยสิ่งที่หนิงไม่ห่วงเลย แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนห่วงแทนคือเรื่องผม เรื่องรักสวยรักงาม เราพยายามทำอย่างที่ยายบอกว่าให้ขอบคุณหัวใจตัวเราเองบ่อยๆ ให้หัวใจเรามีพลัง มีความมุ่นมั่นที่จะทำ”

ถามว่าแล้ววันที่ตัดสินใจละความสวยความงาม ความรู้สึกที่ได้กลับมาตอนนี้มันคุ้มไหม หนิงตอบอย่างมีความสุขว่า “ยิ่งกว่าคุ้ม เงินกี่บาทก็หาแบบนี้ไม่ได้ แล้วสิ่งที่หนิงตั้งใจทำ อย่างที่น้องเด็กๆ ที่เข้ามาคุย เราเห็นปัญหาเขา มีบางมื้อเราไม่ได้ทาน หลายคนก็ห่วงว่าเราจะเหนื่อยมั้ย เราบอกไม่เหนื่อยหรอก ดูยาย คุยกับคนเป็นร้อยๆ ดูในหลวงรัชกาลที่ 9 ดูแลประชาชนกี่ล้านคน นี่หนิงคุยกับน้องๆ แค่ไม่กี่คน ไม่เหนื่อยหรอก และสิ่งที่หนิงได้ฟังจากเขา ต้องขอบคุณเขาด้วย บนปัญหาของเขา เขาให้ธรรมะตรงนี้ ในการที่หนิงจะนำไปใช้เลี้ยงลูก มันเอื้อซึ่งกันและกันหมดเลย”

“ตั้งใจว่าถ้าอะไรที่ช่วยได้อยากช่วยจริงๆ ก่อนหน้านี้หนิงเป็นแค่คนเข้ามาทำบุญ สุขใจที่ได้ทำบุญ แต่พอเข้ามาในนี้ เห็นยายศันสนีย์ทำงาน เห็นความขับเคลื่อนของเสถียรธรรมสถาน คนข้างนอกถ้าเดินเข้ามาเฉยๆ ไม่ได้เข้ามานั่งฟังยายบรรยาย ไม่ได้ดูว่าเขาทำอะไร จะไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ช่วยหัวใจมนุษย์แม่ มนุษย์ผู้หญิง ช่วยเด็กได้ดีมากๆ เราอยากให้คนข้างนอกรู้ว่าที่นี่ทำอะไร

หนิงเลยบอกยายว่าจะไม่กลัวแล้ว ตอนแรกหนิงบอกพี่ต่อ ประชาสัมพันธ์ขออนุญาตไม่ให้สื่อสัมภาษณ์เลย แต่วันนี้ใครอยากจะสัมภาษณ์หนิงยินดี อยากให้คนรับรู้ว่าที่นี่ให้อะไรกับหนิง เผื่อคนที่เขาฟังสิ่งที่หนิงพูด หนิงโชคดีกว่าหลายๆ คน เราเป็นคนของสื่อ เรารีวิวของมีแต่คนซื้อ วันนี้เราขอเปลี่ยนจากการรีวิวของมาเป็นรีวิวธรรมะ หนิงอยากให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์เรื่องราวดีๆ”

บางคนเข้าใจว่าคนที่มาบวชเพราะมีปัญหาชีวิตหรือเปล่า หนิงอธิบายว่า “หนิงไม่ได้มีปัญหาค่ะ หนิงเข้ามาหนิงอิ่ม แต่พอหนิงอยู่แล้วหนิงรู้ว่าหนิงมีปัญหา เพราะเราหลอกตัวเอง เราไม่ปลดล็อก เรามีอคติ เรามีความยึดมั่นถือมั่น เรามีความเป็นตัวตน วันที่หนิงเดินเข้ามาหนิงบอกไม่ได้มีปัญหา คิดว่าตัวเองมีความสุข หนิงเอาบาตรเป็นร้อยใบมาถวาย หนิงกำลังทำงานทุกอย่างประสบความสำเร็จ หนิงหลอกตัวเองทั้งนั้น”

ช่วงบวช 6 วัน ดาราสาวบอกเธอคิดถึงลูก คิดถึงบ้าน คิดถึงสิ่งข้างนอกน้อยมาก “ต้องขอบคุณคุณจิน (จรินทร์) สามี เขาเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ที่ดีได้ เราไว้ใจเขา อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่เราไม่เคยมองไม่เคยพิจารณา ทั้งๆ ที่หนิงกับลูกตัวติดกันผูกพันกันมาก พอมาอยู่ในนี้เราถามตัวเองว่าทำไมไม่ห่วงลูกเลยล่ะ

เพราะเรารู้ว่าสามีดูแลเขาได้ดีมาก นี่คือสิ่งที่หนิงต้องขอบคุณเขา หนิงตั้งใจจะขอบคุณเขาในรูปแบบที่เป็นฆราวาส เพราะเป็นชีเขาก็จะคิดว่าหนิงทำได้ พอหนิงออกไปแล้วจะกลับไปเป็นหนิง-ปณิตา แต่ข้างในไม่ใช่หนิง-ปณิตาคนเดิม จะเดินไปบอก ไปขอบคุณค่ะ แต่ก่อนไม่เคยขอบคุณเขาเลย ถ้าพูดขอบคุณก็จะเป็นเสียงแข็งๆ แต่ครั้งนี้เราพูดกับเขาน้ำเสียงอ่อนโยน ขอบคุณเขาแล้วมองตาเขา”

“ตอนแรกที่หนิงตัดสินใจบวช คุณจินก็ถามว่าทำไมต้องปลงผม พอพูดว่าอยากทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เขาน้ำตาไหลเลย เพราะเขารักในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก พอรู้ว่าจะบวชถวายเป็นพระราชกุศล เขาดีใจมากและร่วมอนุโมทนาบุญด้วย ซึ่งการบวชครั้งนี้เป็นสิ่งที่เราตั้งใจมาก ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ลูกจะค่อยๆ ซึมซับน้อมนำเอาพระพุทธศาสนาเข้ามาอยู่ในใจ อย่างตัวน้องณิรินเขาเข้ามาที่เสถียรธรรมสถานตั้งแต่โครงการจิตประภัสสร ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หนิงจะให้ความสำคัญกับการนอน กล่อมลูกเข้านอนเอง เอามากอดมาหอม ให้เขาไหว้พระ กราบพระ สวดมนต์ อาราธนาศีล อ่านการ์ตูนศีล 5 ให้ฟัง สอนเขาให้เข้าใจ แต่ถามว่าเข้าใจแค่ไหนต้องใช้เวลา ค่อยๆ ซึมซับให้เขาไปในทุกวัน”

ความรู้สึกหลังได้บวชชีถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 นักแสดงสาวเปิดใจว่า “เวลานึกถึงเชื่อว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด น้ำตาจะไหล สิ่งที่อยู่ได้บนโลกใบนี้คือความดี พ่อไม่มีวันตายไปจากพวกเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่สอนเราก็เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ พระบรมราโชวาท เรื่องราวต่างๆ ของพระองค์ทำให้เรารับรู้มากขึ้นตอนที่ท่านไม่อยู่แล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้ไปไหน เวลาผ่านไปครบ 1 ปี เร็วมาก เราตั้งใจมากจริงๆ ที่จะทำเพื่อพระองค์ท่าน อะไรที่เคยทำไม่ได้ตอนอยู่ข้างนอก มาอยู่ในนี้ทำได้แทบทุกอย่าง และเวลาอยู่ข้างนอกอยากทำให้ได้เหมือนอยู่ในนี้ ยังแอบคิดว่าถ้าไม่ติดงานอะไรก็จะบวชต่อ แต่อันนี้ก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ยายจะสอนตลอดว่าถ้าเวลาเราคิดแบบนี้คือการติดสุข ปัจจุบันที่กำลังจะมาถึงยังไงก็ต้องสึก ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบยังมี”

สิ่งที่ตั้งใจจะสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน หนิงบอกว่า “เราเป็นคนไทย ช่วยกันคนละไม้คนละมือทำเพื่อผืนแผ่นดินไทย ใครมีสัมมาอาชีพอะไรถนัดด้านไหนทำด้านนั้นให้ดีที่สุด ในด้านหนิงเป็นคนของสื่อก็จะพยายามทำในด้านสื่อให้ดีที่สุด หัวใจหนิงมุ่งมั่นตั้งเป้าที่จะทำ คำสอนการแบ่งปัน หนิงเคยได้รับการแบ่งปัน ถ้าไม่ได้รับการแบ่งปันจากหลายๆ คนหนิงคงไม่มีทุกวันนี้ เพราะหนิงได้โอกาส จึงอยากปันโอกาส ก็พยายามสอนลูกแบบที่หนิงเป็น”

สุดท้าย หนิงฝากมายังคนที่ร่วมอนุโมทนาบุญกับบุญกุศลครั้งนี้ว่า “หนิงขออนุโมทนาในบุญที่หนิงได้รับทั้งหมดทั้งปวง คนเชื่อบุญก็จะเชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็ขอให้เขามีความสุขเหมือนที่วันนี้หนิงมีความสุขค่ะ แต่หนิงก็จะจำคำยายไว้ว่า อย่าติดสุข”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน