สวนอินทผลัมปรีชา – เอ่ยชื่อ “สวนอินทผลัมปรีชา” เชื่อว่าผู้ที่ ชื่นชอบการท่องเที่ยววิถีเกษตร คงได้ไปเยือนกันมาแล้วเพราะอยู่ใกล้กทม. อีกทั้งเดินทางสะดวก หาไม่ยากอยู่ที่ ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 105 ไร่ โดยปลูกอินทผลัมมากถึง 80 ไร่ ประมาณ 3,000 ต้น ตอนนี้ผลผลิตกำลังออกเหลืองอร่ามเต็มต้นมีนักท่องเที่ยวและลูกค้าไปซื้อกันทุกวัน

แม้ช่วงโควิดจะบางตาไปบ้าง เท่าที่ดูซื้อกันไปทั้งแบบสดและแบบแห้ง แถมยังมีน้ำอินทผลัมสดๆ และแบบไซรัปให้เลือกซื้อตามใจชอบ โดยนำผลผลิตที่ตกเกรดมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ส่วนใหญ่คนที่ได้ไปชิมกาแฟสดที่ใส่ไซรัปอินทผลัมต่างติดใจกันเป็นแถว ที่สำคัญราคาไม่แพงแค่แก้วละ 35 บาทเท่านั้น

คุณปรีชา ธรรมชูเชาวรัตน์ เจ้าของสวนอินทผลัมปรีชา เกริ่นภาพรวมให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ปลูกโป๊ยเซียน เฟื่องฟ้า ลีลาวดี ชวนชม และไม้ประดับอื่นๆ ในพื้นที่ 105 ไร่ พอเมื่อ 6 ปีที่แล้ว หันมาปลูกอินทผลัม ผลปรากฏว่าเสียเวลาไป 2 ปีกับการปลูกแบบเพาะเมล็ดเพราะไม่ได้ผลจึงขุดทิ้ง แล้วหันมาปลูกแบบเพาะเนื้อเยื่ออย่างเดียว เน้นพันธุ์บาร์ฮี ซึ่งเป็นพันธุ์กินผลสด รสชาติหวานกรอบอร่อย และยังมีอัมเอ็ดบาฮาน รวมทั้งโคไนซี่ที่มีผลสีแดงด้วย

อย่างไรก็ตามตอนนี้จะหันมาปลูกแบบเมล็ดบ้าง เพื่อนำเกสรตัวผู้มาผสมกับต้นที่เพาะเนื้อเยื่อที่มีเกสรตัวเมีย นอกจากนี้จะขยายพื้นที่อีก 5 ไร่ปลูกพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อศึกษาดูว่าพันธุ์ไหนจะให้ผลผลิตที่อยู่ได้นาน

ในปีนี้ผลผลิตออกมาจำนวนมากกว่าปีก่อนถึง 25% คาดว่าปีนี้น่าจะได้ประมาณ 100 ตัน เพราะสภาพภูมิอากาศเป็นใจ มีช่วงหนาวในเดือนม.ค.ถึงสองครั้ง แต่ออกลูกช้ากว่าปีก่อน ทางสวนเองขายอยู่ที่สวนและทางออนไลน์ด้วย และในปีนี้มีออร์เดอร์จากทางกัมพูชาสั่งมาหลายร้อยก.ก. และมีลูกค้าคนไทยมาซื้อที่สวนเพื่อนำไปขายต่อ นอกจากนี้ยังมีขายต้นพันธุ์จากเนื้อเยื่อด้วยต้นละ 2,500 บาท

“ปี 2562 ได้แค่ประมาณ 1,000 จั่น พอใจแล้ว พอปี 2563 ออกมาประมาณ 10,000 จั่น คนละเรื่องเลย น้ำหนักจั่นหนึ่งประมาณ 4-5 ก.ก. ปีนี้ออกเยอะกว่าอีก”

สวนแห่งนี้นับเป็นสวนแรกๆ ที่ปลูกอินทผลัม จึงได้รับความสนใจจากเกษตรกรและผู้ที่สนใจ มีคนมาศึกษาดูงานกันจำนวนมาก เพราะเป็นสวนหนึ่งที่มีระบบบริหารจัดการที่ดี ซึ่งคุณปรีชาบอกว่าที่นี่ดินดี น้ำดี และยังหมั่นใส่ปุ๋ยทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอก โดยสลับกันในช่วง 15 วันและหมั่นคอยดูแลต้นตลอด จะมีคนสวนขี่มอเตอร์ไซค์ไปดูว่าแต่ละต้นมีปัญหาอะไรไหม โดยเฉพาะด้วงสาคูที่เจาะลำต้นจะทำให้ตาย แต่โชคดีที่สวนไม่มีปัญหานี้ ทางป้องกันคือทำแปลงให้สะอาด อย่ามีกองขยะหรือเศษใบไม้

“หลังปลูกช่วงที่ต้นยังไม่ให้ผลผลิต นอกจาก ปุ๋ยคอกและใบก้ามปูแล้ว ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เน้นตัวหน้าไนโตรเจน ก่อนออกดอกสะสมอาหารด้วยสูตร 8-24-24 ก่อนเก็บผลผลิต เพิ่มความหวานด้วยสูตร 13-13-21 เน้นตัวท้ายสูง น้ำให้ทุกวัน ยกเว้นช่วงหน้าฝน”

ในส่วนของการผสมเกสรนั้น คุณปรีชาอธิบายว่า ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้ตามบ้านมา ดูดเกสร จากนั้นนำมาห่อกระดาษ แล้ว ตากแดด แต่แดดไม่ต้องแรงมาก เพราะอาจทำให้เกสรตาย ตากแค่วันเดียว

แล้วเข้าตู้เย็นเลย ใช้อุณหภูมิปกติที่ใช้ แช่ผัก ก่อนนำไปใส่ตัวบีบแล้วนำไปพ่นใส่ดอก โดยต้องพ่นตอนเช้า และดอกที่จะพ่นต้องเป็นดอกที่แตกออกวันแรกเท่านั้น หลังติดผลควรมีการซอยผลทิ้งบ้าง ช่อย่อย ช่อหนึ่งควรไว้ 5-6 ผล ใช้วิธีซอยผลเว้นผล จะได้ผลผลิตมีคุณภาพดี

สำหรับอินทผลัมพันธุ์บาร์ฮีเพาะเนื้อเยื่อ ต้นอายุ 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี จะให้ผลผลิตต่อต้นปีละ 100 ก.ก. ออกดอกช่วงเดือนม.ค. ผลผลิตแก่จัดขายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ถ้าอินทผลัมออกผล ควรห่อผล 2 ชั้น เพื่อกันหนู นก แมลง และแมลงวันทอง

คุณปรีชาให้ข้อมูลอีกว่า คนจากตะวันออกกลางมาชิมอินทผลัมเมืองไทยแล้วบอกว่าของประเทศไทยหวานดีมาก รสชาติ และรูปร่างดีกว่าของตะวันออกกลางเยอะ เพราะที่นั่นปลูกกันมั่ว ผสมเกสรบ้างไม่ผสมบ้าง ไม่เหมือนประเทศไทยเกษตรกรประคบประหงมดูแลกันอย่างดี พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องยา ถือว่าเป็นผลไม้ที่ปลอดภัย และ เมื่อเด็ดมาจากต้นแล้วมีการล้าง มีการอัดฉีดด้วยน้ำอัดแรง และอัดลมเป่าด้วยจนเกลี้ยง สะอาด

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ เขาให้คำแนะนำว่า ควรปลูกห่างกันต้นละ 7-8 เมตร และถ้าจะปลูกพันธุ์บาร์ฮี อย่างน้อยควรปลูกไว้ไร่หนึ่ง 25 ต้น เพราะต้นหนึ่งจะได้ประมาณ 20 จั่น ยิ่งต้นอายุมากขึ้นจั่นก็จะมากตาม สามารถปลูกได้เกือบทุกภาค ยกเว้นตั้งแต่จ.สุราษฎร์ธานี ระนอง ภูเก็ตลงไปจนถึงมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะฝนตกเยอะ

สนใจเยี่ยมชมสวนติดต่อได้ที่ 08-1309-6086, 08-7320-5009

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน