“นทธี ศศิวิมล”

“ช้ากว่านี้หน่อยได้ไหมวิด” ผมบอกเพื่อน

“มึงนี่ บ่นเป็นตาแก่ตั้งแต่ขึ้นรถเลยเนี่ย นี่มึงตั้งแต่มีลูก ดูจะปอดแหกไปเยอะนะ” วิดหรือในชื่อจริงประวิตรตอบ เขาเป็นเพื่อนผมตั้งแต่เด็กแล้ว หมอนี่ชอบขับรถเร็ว ผมมักเลี่ยงได้ก็เลี่ยง หากต้องไปไหนกับมัน ใช้บริการรถสาธารณะหรือรถเมล์ยังดีเสียกว่า

“กูยังอยากอยู่ดูลูกกูโตว้อย มึงนี่ไม่เคยเลิกนิสัยขับรถเร็วเลยนะ กี่ปีๆ ก็นิสัยแบบนี้”

“เขาเรียกว่าสันดานแล้วว้อย” วิดประชดผมกลับพลางหัวเราะแล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วจนผมตกใจ

รถยนต์ของวิดเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางความมืดของถนนรัชดาภิเษกยามตีสอง เราเพิ่งกลับงานเลี้ยงงานแต่งงานเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่ง ผมพยายามเลี่ยงโดยการเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านแล้ว แต่รถแท็กซี่ระยำพวกนั้นไม่ไปอ้างจะส่งกะตอนตีสอง! วิดจึงขับมาจอดเทียบแล้วบอกว่าจะอาสาไปส่ง มันดื่มนิดหน่อยซึ่งผมก็เห็น แต่ทางกลับบ้านผมไปทางปทุมธานี ไม่มีด่านตรวจแอลกอฮอล์แน่นอน อีกอย่างไม่ใช่หน้าเทศกาลด้วย

วิดไม่ยอมชะลอความเร็ว แถมยังเร่งขึ้นอีก ถนนรัชดาภิเษกช่วงหน้าศาลอาญามักเกิดอุบัติเหตุบ่อย แม้จะผ่านมาแล้ว แต่ผมเกรงจะไม่ถึงบ้านจึงบอกให้วิดจอดข้างทาง

“ไม่เอาแล้ว กูยอมเรียกรถกว่ารถแท็กซี่แม่งจะไปสักคัน มันต้องมีสิวะ”

ผมพูดจริง โมโหจริง จนมันยอมลดความเร็วแล้วหัวเราะใส่ผม “ไอ้มึงนี่ปอดแหกชิบหาย”

“แล้วมึงจะขับเร็วไปหาพระแสงอะไร เร็วเพิ่มเท่าไหร่ก็อันตรายเพิ่มเท่านั้น” ผมบอก

“จริงหรือ” ไอ้ห่าวิดพูดแล้วก็เร่งเครื่องอีก

รถกระชากไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผมตกใจ วิดหัวเราะเสียงดัง ทันใดนั้นเหมือนมีบางอย่างพุ่งเข้าหารถ ไม่ใช่สิ กระแทกเข้ากับรถอย่างจัง ป๊บ! ปัง! ตุ๊บ!

“มึงชนแน่นอน มึงต้องชนกับอะไรสักอย่าง” ผมตะโกนเสียงดัง “หยุดๆ ไปดูหน่อยดีกว่า” ผมตะโกนอีก แต่วิดไม่ยอมหยุด

“ไม่หรอกมั้ง อาจจะแค่หมา เสียเวลาเปล่า” วิดบอก แต่น้ำเสียงไม่แน่ใจ ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ดูมั่นใจ “กูไปส่งมึงที่บ้านดีกว่าให้เร็วๆ ดีกว่าลงไปดู หมาแหงๆ”

“กูว่าคนนะ” ผมพูดตอบ แต่วิดเงียบ

เวลานั้นพ้นแยกลาดพร้าวแล้ว กำลังเลี้ยวเข้าถนนพหลโยธิน ผมตะโกนให้จอดอีก วิดก็ไม่ยอมจอด แถมยังเพิ่มความเร็ว ช่วงที่ลอดอุโมงค์ใต้อนุสาวรีย์บางเขน รถแทบจะพุ่งขึ้นผ่านอุโมงค์ ถนนช่วงนั้นใกล้สะพานใหม่ กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ วิดจึงชะลอและลดความเร็วตามเส้นทางที่บังคับให้ใช้ความเร็วไม่ได้

กำลังจะผ่านหน้าตลาดยิ่งเจริญ มีสะพานข้ามคลองขวางหน้า ทันใดนั้นเองเหมือนมีบางอย่างหลุ่นตุ๊บใส่กระจกหน้ารถ คราวนี้ผมเห็นชัด เป็นผู้หญิง!

คราวนี้วิดยอมเบรก มันรีบลงไปดู แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่แถวนั้น เหมือนร่างนั้นหล่นใส่กระจกแล้วก็รูดลงพื้นแล้วหายวับไปทันที!

ผมกับวิดไม่ตาฝาดแน่นอน เรามองหน้ากัน รึว่า! ผมนึก แต่ไม่กล้าพูด ผมนึกว่าร่างผู้หญิงที่เห็นอาจจะคือร่างที่เขาขับรถชนเมื่อครู่ เมื่อวิดไม่จอด เธอจึงตามมาให้เห็นชัดๆ อีกครั้ง

ตลอดทางเราไม่พูด วิดดูเคร่งเครียดขึ้น จนถึงบ้านผม ลำลูกกาคลองสอง วิดจอดหยุดแต่ยังไม่พูด จนกระทั่งผมลงจากรถ ผมหันไปมองมัน วิดจึงพูดว่า “ไม่มีอะไรมั้ง” ผมฟังแล้วก็เงียบ

“สวดมนต์ก่อนนอนล่ะกัน พรุ่งนี้มึงไปทำสังฆทานให้เค้าเลย มึงคงเข้าใจที่กูพูดนะ”

วิดไม่ตอบ แล้วขับกลับไป

รุ่งขึ้นผมดูข่าวโทรทัศน์ มีข่าวผู้หญิงถูกรถชนเสียชีวิตเลยศาลอาญารัชดามาไม่ไกล แต่ไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ ผมโทร.ไปหาวิด แต่มันไม่รับสายและไม่โทร.กลับ

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ผมต้องพยายามลืมภาพผู้หญิงหล่นใส่หน้ากระจกรถไปให้ได้ มันโผล่ขึ้นมาทั้งก่อนนอนและตอนกลางคืนเสมอ กระทั่งค่ำวันอาทิตย์วิดขับรถมาหาผมถึงบ้าน หน้าตามันทรุดโทรมเหมือนคนอดนอนหลายวัน มันเดินตาลอยๆ แล้วนั่งลงราวกับละเมอมาหาผม

“เป็นไร” ผมถาม

“กูเจอผู้หญิงคนนั้นตลอด ขับไปไหนก็เจอ หล่นใส่รถกูแล้วก็หายไป หล่นใส่รถกูแล้วก็หายไป บางทีที่บ้านหล่นกระแทกรั้วแล้วก็หายไป บางทีหล่นใส่ประตูบ้านแล้วก็หายไป บางทีประตูห้องนอนด้วย มันตามกูไปทุกที่ ไม่ไหวแล้ว กูไม่ไหวแล้ว กูจะบ้าตายแล้ว” วิดพูดอย่างไร้ชีวิตจิตใจ มันมองไปข้างหน้า เหมือนผมไม่ได้อยู่ด้วย “ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย ให้ผมทำอะไรก็ได้ ผมขอโทษ ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ”

พูดจบวิดก็วิ่งออกจากบ้านเสียดื้อๆ แล้วไปที่รถ ผมวิ่งตามไปทันเห็นมันขับรถออกไปแล้วพุ่งประสานงากับรถกระบะหน้าบ้านผม

วิดเสียชีวิตคาที่!

จากนั้นมาเป็นผมเองที่ประสาทเสีย เหมือนมันจะมาให้ผมร่วมทุกข์ไปกับมันด้วย หลับตาทีไรก็เห็นมันวิ่งออกจากบ้านแล้วขับรถไปชนกับกระบะ บางครั้งภาพผู้หญิงหล่นใส่หน้ากระจกรถวันนั้นก็วนเวียนเข้ามาสลับกัน ผมประสาทไปหมดแล้ว นอนไม่หลับ

บางครั้งหูแว่วเสียงวิดบอกว่า ทำแบบมันสิ! ไม่ไหวแล้ว ช่วยผมด้วย!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน