“นทธี ศศิวิมล”

ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผมย้ายบ้านใหม่ ผมชอบไปตกปลาที่ริมบึงแห่งหนึ่งละแวกบ้าน เป็นบึงธรรมชาติที่ใหญ่มาก กินเนื้อที่ราวสองไร่ รอบบึงเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เล็กสลับกับทางเดินเท้าที่มุ่งตรงสู่บึง แต่ละเส้นทางถูกเหยียบย่ำจนหญ้าต้นใหม่แทงไม่ขึ้น แสดงว่ามีคนแวะเวียนมาบึงแห่งนี้เป็นประจำ

สงบและร่มรื่นมาก ผมชอบพาลูกชายมานั่งตกปลาและดูเป็ดไล่ทุ่งที่มักจะมีคนพามาให้พวกเป็ดเล่นน้ำและหากินจากฟากฝั่งโน้น ลูกชายผมชอบให้พามาประจำโดยเฉพาะช่วงปิดเทอมใหญ่ช่วงที่ผ่านมา

ผมทำราวไม้ไผ่ยาวประมาณเมตรหนึ่งเพื่อวางคันเบ็ดของผมกับลูก แรกๆ ก็ใช้ขนมปังหุ้มด้วยรำบดละเอียดผสมกับนมสดเกี่ยวเบ็ด หลังๆ ผมขี้เกียจผสมเหยื่อก็เกี่ยวเบ็ดด้วยกล้วยน้ำว้าสุกเลย หยิบติดมือมาสามลูก เกี่ยวได้จนถึงค่ำ

แต่มักจะได้แต่สวาย ปลาพวกนี้บางทีก็ให้เมียทำทอดมัน บางทีได้อย่างยี่สกก็ไปทอด ไปห่อกระดาษฟอยล์ย่าง ตะเพียนก็เช่นกัน นึ่งบ้าง ทอดบ้าง ทำทอดมันบ้าง ตลอดเวลาร่วมเดือนที่มาอาทิตย์ละหลายวัน ผมตกปลาเพื่อผ่อนคลาย นั่งคุยกับลูก ใช้ชีวิตปิดเทอมร่วมกับลูกมากกว่า ลูกชายผมอายุสิบขวบแล้ว กำลังโต จนกระทั่งวันหนึ่งผมมาถึงก็มีเบ็ดมาวางก่อนหน้าแล้วคันหนึ่ง

บึงสาธารณะ ผมไม่อาจว่าใครได้ พอมองไปก็เห็นเป็นผู้ชายผมยาวหนวดเครารุงรังคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นผมมาวางมั่งก็ถามว่า พี่ทำไว้หรือ ผมยิ้มแทนคำตอบ ผมไม่ได้มานานล่ะ หลายเดือน เมื่อก่อนมาบ่อย เขาตอบ

เขาตกได้ตัวแรกก็วางไว้บนถุงพลาสติกข้างๆ ตัว ขนาดราวฝ่ามือ ผมเหลียวดูเป็นตะเพียน พอตัวที่สองเขาได้ยี่สกขนาดใหญ่มาก ราวข้อศอก น่าจะเป็นตัวเมีย เพราะอ้วนป้อม ผมหันไปยิ้มและพูด “ดีใจด้วย”

เขายิ้มตอบ แล้วลุกไป ผมจึงเห็นว่าเขามากับจักรยานเก่าๆ คันหนึ่ง เขาจูงจักรยานมาจอดข้างๆ ผมมองแล้วก็นั่งอยู่พักใหญ่ๆ ก็ยังไม่ได้ปลา แต่ไม่ได้กังวลอะไร ผมหยิบหนังสือติดมือมาอ่านด้วย ลูกชายผมก็เช่นกัน อ่านไประยะหนึ่ง จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น “พี่เคยอยู่ถึงมืดมั้ย”

ผมละจากหนังสือ ถามซ้ำ ผมจึงตอบไปว่า “ก็เคยครั้งสองครั้ง”

“ระวังนะ” เขาตอบ

“ระวังอะไร”

“ผี” เขาตอบเสียงราบเรียบ ผมหันขวับ เขายังพูดต่อ “ผู้หญิง”

ลูกชายผมมองหน้าผมแล้วมองหน้าชายคนนั้นสลับไปมา ลูกชายผมกลัวผีมาก ผมเองจะไปแสดงท่าว่ากลัวให้ลูกเห็นได้อย่างไร จะไปกันใหญ่ จึงตอบไปว่า “ผีมีจริงที่ไหน”

เขายิ้ม “ลองดูสิ คืนนี้เลย นั่งไปเรื่อยๆ จนค่ำค่อยกลับ เจอกันทุกคนแหละ สังเกตไหม พอเริ่มมืดคนก็หายหัวกันหมด เพราะเขารู้กันไง”

นั่นน่ะสิ ที่ผมอยู่จนเริ่มมืดครั้งสองครั้งนั้นก็ไม่เห็นใครเลย นอกจากผมกับลูก

แล้วเขาก็ลุกกลับไปเมื่อได้ยี่สกอีกตัว

ลูกมองหน้าผม ผมจึงนึกว่าสบโอกาสที่จะสอนลูกให้เข้มแข็ง ผมเองแม้จะกลัวผีบ้างแต่ชีวิตจริงก็ไม่เคยเจอผีเลย จึงพูดกับลูกว่า “ลองอยู่คืนนี้ดูไหมลูก ให้เห็นไปเลยว่าผีไม่มีจริง”

“ไม่เอา หนูกลัว” ลูกส่ายหน้า

“เอาน่า พ่ออยู่ด้วย ถ้าเจอจริงเราก็รีบกลับเลย” ผมบอกลูก

แล้วเราก็อยู่กันจนเลยพระอาทิตย์ตกดินจริงๆ ผมตั้งใจไว้ว่า ไม่นานหรอก ใจก็สงสารลูกเหมือนกัน ลูกเกาะแขนผมแจ เอาพอมืดก็กลับ จะได้หัดลูกด้วย ทว่าระหว่างนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ขี่จักรยานมาจอด เธอมาตอนไหนไม่รู้เลย มาเห็นก็ตอนเธอนั่งลงไม่ไกลแล้ว เสียงร้องไห้ของเธอแหละที่ทำเอาผมกับลูกรู้ว่ามีคนมา

ลูกตกใจกลัวจนตัวสั่น กระซิบพูดอะไรกับผมก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ยินแต่ก็รีบจุ๊ปากให้ลูกเงียบ เราสองพ่อลูกเจอเข้าให้แล้ว นึกจะลองของก็เจอเอาเข้าจริง ผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อยืดสีขาวนั่งร้องไห้ ผมกับลูกก็ตกใจกลัวจนลืมลุกหนี นั่งกอดกันมองหล่อนคนนั้นอยู่นาน จนได้ยินเสียงจักรยานอีกคันมาจอด

เป็นชายหนวดเครารุงรังตอนบ่ายนั่นเอง เขาพูดเสียงดัง “กลับบ้านได้แล้ว ไม่ต้องร้อง แค่นี้เอง ไป ไป” แล้วเขาก็หันมาทางผม ก่อนจะพูดว่า “เมียผมเองครับ ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดหรอก ตะกี๊ทะเลาะกัน คงน้อยใจเลยหนีออกมานั่งร้องไห้” แล้วทั้งสองคนก็ถีบจักรยานหายไป เห็นชัดเลยว่าผู้หญิงดูสูงมาก

ผมกับลูกโล่งอก ผมพูดย้ำกับลูกว่า “เห็นไหม ผีมีจริงที่ไหน ไป กลับบ้านกัน”

ทว่าเมื่อถึงปากทางก็เจอเข้ากับร้านของชำ นึกดีใจและโล่งอก ผมหยุดมอเตอร์ไซค์ลงหาซื้อน้ำอัดลมดื่มกับลูก พอดีลูกผมพูดขึ้นมาถึงเรื่องนี้ เจ้าของร้านสองคนผัวเมียเลยชวนคุยต่อ ผมจึงเล่าอย่างละเอียดให้ฟัง พวกเขาสองคนมองหน้ากัน แล้วหันมาถาม “ใช่ผู้ชายผมยาว หนวดเครารุงรัง คนเป็นเมียก็ผอมสูง ใส่เสื้อยืดสีขาวใช่ไหม”

ผมพยักหน้ารับว่าใช่

เท่านั้นแหละ ฝ่ายผู้ชายหันมาพูดกับผม “คุณเจอเข้าให้แล้ว ผัวเมียสองคนนี้ตายเมื่อเดือนก่อน คนไปบึงนั่นเจอกันบ่อย กลางวันแสกๆ นี่แหละ เจอกันเรื่อย ถึงไม่ค่อยมีคนไปกันเท่าไหร่พักนี้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน