“รายงานพิเศษ”

“เนื้องอกในมดลูก” อาจทำให้สาวๆ ทั้งหลายตกใจหรือมีความกังวลอยู่มิใช่น้อย

พญ.จิติมา ติยายน นายแพทย์ชำนาญการ งานมะเร็งนรีเวช กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า “เนื้องอกในมดลูก “ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะการตรวจพบตั้งแต่แรก ย่อมรักษาได้เร็วกว่าและปลอดภัยกว่า

เนื้องอกในมดลูก เป็นเนื้องอกธรรมดา ไม่ใช่เนื้อร้าย หรือมะเร็ง ส่วนใหญ่เนื้องอกมดลูกจะมีขนาดเล็กไม่มีอาการแสดง ไม่มีอันตรายใดๆ เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการชัดเจน เกิดขี้นโดยไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่จะพบมาก ในผู้หญิงวัยทำงานอายุระหว่าง 30-40 ปี หรือประมาณ 20-25% คิดเป็น 1 ใน 4 ที่ต้องเจออย่างแน่นอน อาทิ ผู้หญิงที่แต่งงาน แล้วแต่ยังไม่มีบุตร ผู้หญิงที่น้ำหนักตัวมาก เป็นต้น

โรคเนื้องอกในมดลูกมีอาการเด่นๆ คือ ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ, มีเลือดออกมากระหว่างรอบเดือน, ปัสสาวะ บ่อยขึ้นแต่ออก ไม่มาก, ท้องผูกผิดปกติ

ความรุนแรงของอาการเนื้องอกในมดลูกนั้น ไม่ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต แต่จะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เลือดออกมากผิดปกติตอนมีประจำเดือน หรือถ้ามีการกดเบียดของก้อนเนื้อก็จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ขึ้นได้

พญ.จิติมากล่าวอีกว่า แม้ว่าอาการโรคเนื้องอกในมดลูก ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่จากสถิติแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้องอกในมดลูก 1,000 คน จะพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 1 คน ซึ่งส่วนมากมักพบในผู้หญิงอายุ 50-60 ปีขึ้นไป ดังนั้น สาวๆ ควรสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง ควรตรวจสุขภาพ และตรวจภายใน อย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อพบว่ามีความผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันที

สำหรับการรักษาโรคเนื้องอกในมดลูกนั้น อันดับแรกจะรักษาตามอาการ อาจจะด้วย การให้ฮอร์โมน แต่ถ้าอาการ ยังไม่ดีขึ้นก็จะทำการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบัน โรงพยาบาลราชวิถีมีการพัฒนาเทคโนโลยี จากการผ่าตัดใหญ่ที่จะต้องเปิดแผล หน้าท้อง ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน 7-10 วัน มาเป็นการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางช่องคลอด ทำให้คนไข้ไม่มีแผลหน้าท้องเลย แล้วก็เอาก้อนออกหรือมดลูกออกทางช่องคลอด จะเจ็บแผลน้อยกว่า

การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ใช้เวลาในการพักฟื้น 2-3 วันก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว

ส่วนการดูแลตัวเองหลังการรักษา ควรงดกิจกรรมหนัก 2 สัปดาห์ ดูแลแผลผ่าตัด และกลับมาตรวจติดตามอาการตามนัดของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา

การดูแลสุขภาพตนเองให้ห่างไกลโรคเนื้องอกในมดลูกสามารถทำได้โดยสร้างภูมิคุ้มกันให้ดี คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์จำพวกผัก ผลไม้ เนื้อปลาให้มากขึ้น และลดอาหารจำพวกเนื้อแดง ซึ่งมีพวกสารเคมี ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคได้

พญ.จิติมากล่าวด้วยว่า หน่วยนรีเวช โรงพยาบาลราชวิถี เปิดรักษาโรคเกี่ยวกับนรีเวชมามากกว่า 60 ปี ในแต่ละปีมีผู้ป่วยเข้าทำการรักษากว่า 50,000 คน และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดกว่า 1,500 คน ร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยส่งต่อมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ

ปัจจุบันโรงพยาบาลราชวิถี มีพื้นที่ในการ อำนวยความสะดวก และพื้นที่ในการรักษาค่อนข้างจำกัด ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดในการรักษา แต่ในอนาคตเมื่ออาคารศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถีสร้างเสร็จ ก็จะสามารถเปิดรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น ลดระยะเวลาของการรอรับการรักษาของผู้ป่วยได้

ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมแบ่งปันน้ำใจสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ผ่านมูลนิธิร.พ.ราชวิถี บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ร.พ.ราชวิถี ประเภทบัญชี ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 051-2-16322-1 หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 0-2354- 7997-9 หรือ http://www.rajavithihospital foundation.org

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน