“นทธี ศศิวิมล”

ผมกับภรรยาเรียกร้านพี่คนนี้ที่เปิดขายอาหารตามสั่งว่า “พี่กลางซอย” ตามลักษณะที่ตั้งของร้านที่อยู่กลางซอยพอดิบพอดี

ร้านพี่กลางซอยขายอาหารตามสั่งในราคา ถูกมาก เมื่อเปรียบเทียบกับร้านอื่นในปีพอศอ 2561 ที่ราคาต่อจานเริ่มที่ 35 บาท แต่พี่เขาคิดแค่ 30 บาท นี่พี่เพิ่งขอขึ้นราคาเมื่อกลางปีที่แล้วเองนะ ก่อนหน้านี้ราคาทุกจานอยู่ที่ 25 บาท อีกทั้งรสชาติอาหารก็ใช่จะขี้เหร่ พอกินได้ ถือว่าหลายจานที่แกลงมือทำอยู่ในขั้นอร่อยเลยทีเดียว

ทว่าผมย้ายที่พักไกลจากที่เคยอยู่เดิมไปสองสามกิโลเมตรเมื่อสามสี่เดือนก่อน จึงไม่ได้แวะไปกินฝีมือพี่แก จนกระทั่งเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ผมไปกินเหล้ากับเพื่อนเก่า พอดีผ่านซอยที่เคยอยู่ ผมเจอพี่แกไม่ใช่กลางซอยแต่เป็นท้ายซอย ซึ่งทะลุไปสู่ถนนใหญ่ได้ ผมเห็นแกเดินอยู่ท่ามกลางความมืด เมื่อมองจนแน่ใจว่าใช่ผม ก็แปลกใจ ทำไมมาเดินกลางค่ำกลางคืนดึกดื่นขนาดนี้ จึงหยุดมอเตอร์ไซค์จอดทักทาย “หวัดดีพี่ ไปไหนมาไหนนี่ โทษที พักหลังผมไม่ได้แวะไปกินร้านพี่เลย”

แกหันมามองผมด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย “ไม่เป็นไร”

ผมชวนคุย “ร้านพี่ยังราคาเดิมอยู่เปล่า เดี๋ยวนี้ เขาขายกัน 35 40 หมดแล้วนะ พี่ไม่ขึ้นบ้างหรือ”

แกก็ตอบผมเหมือนทุกครั้งที่ถามคำถามนี้ “มีกำไรแค่นี้ก็ดีแล้ว ช่วยๆ กัน สมัยนี้ต้องช่วยกัน”

“งั้นพรุ่งนี้ผมไปให้พี่ช่วยนะ” ผมพูดแล้วยิ้มในคำพูดของตัวเอง แต่ปรากฏว่าพี่แกยังมีสีหน้าเศร้าสร้อย ผมจึงหันไปถาม “พี่จะกลับบ้านเปล่า ผมจะไปส่ง ทางผ่านอยู่แล้ว ขึ้นซ้อนเลยพี่”

แกจ้องหน้าผมอยู่ราวห้าวินาที แล้วก็พูดขึ้น เล่นเอาผมขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “อยากกลับ แต่กลับไม่ได้”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“พี่ถูกเขาฝังตรงนี้ ช่วยไปบอกตำรวจที อย่าไป บอกผัวพี่นะ มันแหละที่ฆ่าพี่”

ฟังจบแล้ว ผมยืนขาแข็งตกใจกลัว เมื่อแกเล่นหายไปต่อหน้าต่อตาผม ผมมือสั่น ขาสั่น สั่นไปทั้งตัว สตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์อยู่นานกว่าจะติด

กลับถึงบ้านตีสามแล้ว รีบเล่าให้เมียฟัง เมียกลับย้อนว่า “ท่าจะเมามาก นอนเหอะ”

ผมไม่รู้จะทำอะไรได้ เมื่อคิดขึ้นมาทีก็กลัวที รึว่าผมจะเมาแล้วคิดไปเอง ไม่สิ เห็นกับสองตาตัวเอง พี่กลางซอยชัดๆ แกอาจจะตายแล้วมาขอความช่วยเหลือผมจริงๆ ก็ได้ ผมคิดไปคิดมาเกี่ยวกับเรื่องนี้จนม่อยหลับไป

เช้ามาผมรีบยืนยันกับเมียว่า ถึงแม้จะเมาผมก็ไม่คิดไปเองแน่ๆ เจอกับตัวจริงๆ

“งั้นพี่ก็ไปหาแกที่กลางซอยสิ ถ้าเจอตัวจริง ก็แสดงว่าพี่เมา ถ้าไม่ก็ถามคนแถวนั้นดูเลย”

ผมไปที่กลางซอยเก่าที่เคยอยู่ทันที เมื่อไปถึงปรากฏว่าเห็นแกกำลังยืนผัดอาหารอยู่หน้าเตา ใจหนึ่งดีใจที่แกไม่ตาย ใจหนึ่งกลับไปบ้านเจอเมียด่าแน่ๆ เมาจนมั่วไปหมด

ผมเข้าไปสั่งอาหารแกกินแล้วสั่งกลับบ้าน ให้เมียด้วย แต่ไม่ได้เล่าที่ผมเจอแกเมื่อคืน ถึงบ้าน ก็จริงอย่างที่คาดเจอเมียหัวเราะเยาะใส่ ผมนี่ทั้งอาย ทั้งโมโหตัวเองมาก

ผ่านไปสัปดาห์หนึ่งผมกลับไปที่ร้านกลางซอยอีกครั้ง ปรากฏว่าร้านปิด จึงถามกับร้านข้างๆ ตาม ประสาสอบถามแล้วชวนคุย คำตอบที่ได้รับ ทำเอาผมตกใจ

“แกหายไปสามวันล่ะ นี่ก็ตามหากันจ้าละหวั่นทั้งครอบ ครัว คนแถวนี้ก็เที่ยวตามหา แปลก อยู่ๆ ก็หายตัวไป ผัวมันก็นั่งกินเหล้าทั้งวัน แทนที่จะออกตามหาเมีย”

ผมฟังแล้วทั้งอึ้งทั้งงุนงง กับคำว่าผัวเอาแต่กินเหล้า ผมกลับไปเล่าให้เมียฟังว่าที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ เมียหัวเราะเหมือนเคย ผมกลับไปที่กลางซอยบ้านเก่า เล่าให้คนแถวนั้นฟัง มีแต่คนว่าผมน่าจะเมามากกว่าคืนนั้น ในเมื่อพี่กลางซอยยังไม่ตาย

“ผัวมันบอก มันไปเยี่ยมแม่ที่สกลฯ”

ผมฟังแล้วก็อดสูตัวเอง ให้ไปโรงพักหรือ แค่นี้ คนก็หัวเราะเยาะใส่ผมแล้ว ไม่เว้นแม้แต่เมียตัวเอง แท้ๆ

ผ่านไปสามวันก็มีเพื่อนบ้านเก่าแถวนั้นโทร.หา ให้ผมรีบไปที่ร้านกลางซอย

เมื่อไปถึงเขาก็ต้อนรับผมอย่างใหญ่โต รีบถามเรื่องที่ผมเจอพี่กลางซอยคืนนั้นแล้วให้เล่าให้ฟังอย่างละเอียดอีกรอบ ผมงุนงงไปหมด ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“จะอะไรล่ะ ก็ไอ้แหลม(ผัวพี่กลางซอย) ได้ยินเรื่องที่คุณ(ที่จริงเขาเรียกผมว่ามึง) เล่า มันก็เลยไปขุดศพเมียตอนดึกทันทีเลย ปรากฏว่าสายตรวจ เจอมันกำลังเอาศพเมียขึ้นมาพอดี มันสารภาพว่าพลั้งมือที่ทะเลาะกัน เรื่องที่คุณเล่า แล้วคนแถวนี้ก็เล่าต่อๆ กัน มันกลัวคนจะเชื่อว่าจริงแล้ว ไปขุดศพขึ้น มันเลยชิงตัดหน้าย้ายศพก่อน คนเขา ก็เลยอยากรู้เรื่องที่คุณเล่าให้ละเอียดอีกรอบนะสิ”

แต่สำหรับผมแล้ว ความจริงที่แท้แล้วคืออะไร เป็นไปได้ไหมที่ผมจะเจอผีก่อนที่เจ้าตัวจะตายจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน