“นนทวรรณ มนตรี”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภาคประชาชนร่วมจัดกิจกรรมระดมทุน เพื่อหารายได้สนับสนุนกองทุนสวัสดิการ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก และสนับสนุนเสบียงการลาดตระเวน มีประชาชนทุกเพศทุกวัยต่างมาเข้าร่วม

ภายในงานมีการระดมทุนผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจำหน่ายโปสการ์ด เป็นรูปสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง การนำสิ่งของหรือภาพถ่ายจากศิลปินมาเปิดขาย ผลิตภัณฑ์ทำมือ อาหารห้าง กิจกรรมระบายสี การแสดงดนตรี

น.ส.กุลยา กาศสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟวายไอ จำกัด ผู้เริ่มจัดกิจกรรม ดังกล่าว กล่าวว่า เมื่อทราบกรณีการลักลอบฆ่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า และทราบถึงความจำเป็นในด้านสวัสดิการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะ เป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยากจะช่วยสบับสนุน

จึงเริ่มจากการโพสต์เฟซบุ๊ก จัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อหารายได้ระดมทุน ปรากฏว่ากิจกรรมดังกล่าวมีการแชร์ต่อกันไปเรื่อยๆ มีกลุ่มผู้อนุรักษ์ ศิลปินดาราจำนวนมาก ติดต่อขอเข้าร่วมสนับสนุน กิจกรรมดังกล่าวด้วย ดีใจและหวังว่ากิจกรรม การระดมทุนจะเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้อง รักษาผืนป่าของประเทศไทยให้อยู่ยั่งยืน ต่อไป

ด้าน ม.ล.ปริญญากร วรรวรรณ ช่างภาพสัตว์ป่าและนักเขียน กล่าวในช่วงเสวนาหัวข้อ “ว่าด้วยการอนุรักษ์สัตว์ป่าสิ่งแวดล้อม และความสำคัญของกองทุนพิทักษ์ป่า” ว่า หากเราพูดถึงความเท่าเทียมกันของชีวิตนั้น ความเชื่อยังเป็นคู่ขนานเสมอ เพราะยังมีคนอีกฝั่งหนึ่งยังอยากจะเลี้ยงสัตว์ป่า ออกล่าสัตว์ป่า

ตลอดเวลาการทำงานกว่า 30 ปี ที่ทำงานด้านธรรมชาติ สิ่งที่เกี่ยวข้องกันคือ เศรษฐีเมืองจีนตื่นมาต้องกินยาโด๊ป เพื่อเสริมสร้างพลัง ก็อาจส่งผลกระทบมายังเสือในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรได้ ความต้องการจากอีกฝั่งหนึ่งอาจส่งผลกระทบมาอีกฝั่งหนึ่งได้เสมอ

“อย่างกรณีนายเปรมชัย และพวกคงไปล่าสัตว์เพราะเป็นค่านิยม แต่ยังมีนายพรานมืออาชีพที่ล่าสัตว์ป่าตามใบสั่ง จากต่างประเทศ ตรงนี้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของเราจะเสี่ยงมาก เพราะนายพรานเหล่านี้ทำเพื่อเงิน มีอุปกรณ์การล่าสัตว์ป่าอย่างครบครัน นายพรานมืออาชีพจะมีวิถีหนทางเพื่อให้ได้สัตว์ป่าเหล่านั้นมา ขณะที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามีแค่ปืนเก่าๆ” ม.ล.ปริญญากรกล่าว

นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า เคยเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมาก่อน ผ่านประสบการณ์จับกุมผู้ลักลอบฆ่า สัตว์ป่า และเสียใจกับทุกเหตุการณ์ล่าสัตว์ป่าที่เกิดขึ้น กรณีนายเปรมชัย ก็เป็นอีกเหตุการณ์ของกลุ่มคนที่ล่าสัตว์ป่า แต่ครั้งนี้เป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งสังคมต้องตระหนักคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเพราะเสือดำถูกยิง หรือเป็นเพราะคนยิงเป็นคนใหญ่คนโต

แต่ที่น่าเศร้าใจกว่าคือ สังคมกลับโยงความผิด มาถึงเจ้าหน้าที่ แทนที่จะไปจุดประเด็นอยู่ที่ผู้ต้องหา แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้คงเป็นบทเรียนแก่ อุทยานฯ ต่อไป กรมอุทยานฯ คงต้องเข้มงวดกับ ผู้ที่เข้ามาขอศึกษาธรรมชาติ มีการตรวจค้นสัมภาระที่เข้มงวดมากขึ้นก็อย่าไปโกรธเจ้าหน้าที่

“เมื่อกล่าวถึงภัยคุกคามคงหนีไม่พ้นในเรื่องของสังคม เช่น ความยากจนที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ป่าในการ ดำรงชีพ นอกจากนั้นเรื่องความเชื่อก็น่ากลัว เช่น นำหัวกระทิงติดข้างฝาเชื่อว่าบ้านนั้นจะยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็น ค่านิยมผิด หน้าผากเสือหรือกระดูกสัตว์นำมารักษาโรคต่างๆ ได้ ภัยคุกคามนี้สังคมต้องช่วยแก้ สัตว์ป่าเมืองไทยไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤตแต่อยู่ในขั้นที่ต่ำกว่า ขั้นวิกฤตแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องพัฒนาคือเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเครื่องมือในการปกป้องผืนป่า แต่ที่สำคัญไปกว่า นั้นคือการพัฒนาคน” นายสมโภชน์กล่าว

สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการสนับสนุนกิจกรรม อนุรักษ์ ร่วมสมทบได้ทางบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาโลตัส รัตนาธิเบศร์ เลขบัญชี 984-5-94474-4 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางบัว เลขบัญชี 053-2-38652-4 ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานพหลโยธิน เลขบัญชี 099-2-68730-4

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน