“นทธี ศศิวิมล”

สมชัยส่งข้อความพร้อมคำขอเป็นเพื่อนถึง ผมในเฟซบุ๊ก

“ส่งคำขอตั้งนาน ไม่คิดถึงเพื่อนเก่าเลยหรือ” เขาเขียนมาในกล่องข้อความ

ปกติผมเล่นวันละครั้งก่อนนอน ไล่อ่านข่าวและติดตามโพสต์ของเพื่อนในเฟซที่ขึ้นหน้าฟีดข่าว ไม่ได้เล่นทั้งวัน บางวันผมเหนื่อยมากก็ไม่ได้เข้าเฟซบุ๊กเสียด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นสมชัยก็คลิกไลก์รูปผม สเตตัสเก่าๆ ของผมซึ่งมีไม่มากหรอก ผ่านมาระยะหนึ่งเขาก็เล่าถึงการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าๆ ที่เคยเรียนสมัยประถมฯ มัธยมฯ ด้วยกัน ผมก็ได้แต่เฉยๆ อ่านไปอย่างรับฟังไป ผมไม่ได้เจอเพื่อนเหล่านี้นับตั้งแต่เรียนจบ ด้วยหน้าที่การงานที่คนละสายงาน คนละอาชีพและไม่เกี่ยวข้องกันเลย

จบมอหกผมก็ทำงานโรงงานได้ปีเดียว พ่อกับแม่ก็ตายจากอุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งร้านชำไว้ ผมจึงต้องดูแลร้านชำมาตลอดเวลาสามสิบกว่าปี ได้เมียก็แม่ค้าขายของในตลาด ไม่ได้มีฐานะหรือภูมิความรู้ ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนเพื่อนๆ ผมจึงไม่เคยติดต่อกับเพื่อนเก่า ยิ่งมาเจอกันในเฟซและนัดหมายสังสรรค์ ผมจึงเลี่ยง แม้แต่สมชัยนัดหมายผมก็ปฏิเสธ อ้างโน่นนี่ไป ผมอยู่กับร้านกับลูกเมีย มีความสุขดีแล้ว อายุห้าสิบปี ความเป็นเพื่อนไม่ได้มีความหมายหรือมีค่าสำหรับผมมากไปกว่าคนมาซื้อของคนหนึ่ง

ทว่าจู่ๆ วันหนึ่งสมชัยก็มาโผล่ที่หน้าร้าน เขาบอกว่าบังเอิญผ่านมา หิวน้ำจึงจอดรถเพื่อหาน้ำดื่ม แต่ผมคิดว่าไม่ใช่ ปกติผมไม่โพสต์รูปลูกเมียหรืออะไรที่บ่งบอกว่าอยู่ที่ไหน รายละเอียดต่างๆ พวกนี้ในเฟซผมไม่กรอกทั้งนั้น แต่วันนั้นพอดีเมียโพสต์รูปลูกทำตลกๆ หน้าบ้านและเพื่อนเมียก็มาคุยกัน เมียก็พูดเรื่องสถานที่อยู่กับเพื่อน สเตตัสนี้เมียแท็กผมพอดี สมชัยคงเห็นเข้าและตั้งใจหาร้านผมจนเจอ

ผมก็พูดคุยกับเขาดี สภาพภายนอกที่เห็นเขา ดูดี มีฐานะ รถเบนซ์ที่ขับมายังแพงกว่าสินค้าทั้งร้านของผมอีก เขาซื้อน้ำดื่มโดยยืนยันจ่ายเงิน ผมก็ยินดี เพราะนึกว่าเขาคงมาหาครั้งนี้ครั้งเดียว เห็นสภาพผมแล้วก็คงไม่อยากติดต่อเองแหละ

ปรากฏว่าสมชัยแอบถ่ายร้านผมและไปโพสต์ในหน้าวอลล์ของเขาว่าเจอผมเข้า มีกลุ่มเพื่อนเรียนแวะเวียนมาทักทายและถามถึงผม จากนั้นก็พวกเพื่อนเก่าเหล่านี้ก็ตามมาขอแอดเป็นเพื่อน ผมไม่ทราบจะทำอย่างไรดี จะปฏิเสธก็ใช่ที่ ได้แต่ตอบรับคำขอไปทุกคน แต่ก็ไม่ได้ไปคลิกไลก์หรือไล่ดูหน้าวอลล์ของเพื่อนพวกนี้สักคน

คืนวันหนึ่งสมชัยส่งข้อความชวนคุยกับผมในกล่องข้อความ จากนั้นก็ร่ายยาวถึงความทุกข์ร้อน ปกติผมไม่เคยคุยกับใครเช่นนี้ จึงได้แค่พูดสั้นๆ อย่าคิดมาก อยากทำอะไรก็ทำ วนไปวนมาอย่างนี้ จนสุดท้ายผมบอกว่าง่วงนอนแล้ว ขอตัวก่อน เขาเงียบไป ผมกำลังจะคลิกออกจากระบบ เขาก็ส่งข้อความสุดท้ายบอกว่า พรุ่งนี้ออกจากบ้าน กินข้าวกับเขาหน่อยได้ไหม เขาเป็นเจ้ามือเอง ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เห็นเขากำลังไม่สบายใจ จึงตอบส่งๆ ไปว่า โอเค เขานัดหมายสถานที่ที่ไม่ไกลจากบ้านผม ผมบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้ค่อยตอบปฏิเสธ หาข้ออ้างไม่ไปอีกทีก็แล้วกัน แล้วผมก็ออกจาก เฟซบุ๊ก ถึงกับปิดสมาร์ตโฟนเลยทันที

บ่ายรุ่งขึ้น ผมนึกได้ถึงการนัดหมายจึงรีบเข้าเฟซเพื่อบอกเลิกนัด แต่ปรากฏว่าสมชัยระบายมายกใหญ่ ผมหาช่องไม่เจอ หลังจากเออออไปได้พักใหญ่ก็ตัดบทบอกว่าเจอกันตอนค่ำก็แล้วกัน

ผมนั่งในร้านของผมไป ขายของไป ผม ชอบเปิดทีวีดูอะไร ฟังอะไรไปมากกว่า ลูกค้ามาถามหาของก็ขาย เสร็จก็กลับมา นั่งดู บางทีก็นั่งฟังไป จัดของหรือทำความสะอาดร้านไป ผมชอบแบบนี้ของผมมากกว่า

จนใกล้เวลานัดหมาย เตรียมสตาร์ต มอเตอร์ไซค์ไป ตามนัด ปรากฏว่าสมชัยมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว ผมแปลกใจไม่น้อย เขามีสีหน้าไม่สู้ดี ท่าทางอิดโรย ผมจึงชวนเข้าบ้าน ไม่ได้ถามว่าทำไมไม่เจอกัน ที่ร้าน

ผมสั่งเบียร์ สั่งกับแกล้ม แล้วก็เข้าไปตักข้าวให้ตัวเองกิน ผมถามเขา เขาตอบไม่หิว เขายกเบียร์ดื่มไปเรื่อยๆ ไม่สนใจกับแกล้ม ผมตั้งใจปล่อยให้เขาได้พูดเพื่อระบายความอัดอั้นออกมาให้หมด แต่สมชัยก็ไม่พูดเลย นั่งก้มหน้า สลับ จิบเบียร์ ผมชวนคุยเรื่องข่าวสารบ้านเมืองจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว จึงเปิดทีวีดูฟุตบอลไทยลีกถ่ายทอดสด

ตลอดเวลาเขาก็ยังนั่งนิ่งสลับกับการมองจอทีวีแล้วมองผม ผมถามเขาว่า ไม่อยากพูดอะไรหรือ เขานิ่งไปก่อนตอบว่า ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนเขา แต่ต่อไปนี้จะไม่รบกวนแล้ว

“เฮ้ย ไม่เป็นหรอก” ผมตอบไปอย่างนั้นแหละ ใจจริงก็อึดอัดไม่น้อย

ตอนนั้นประมาณห้าทุ่ม เวลาปกติที่จะเข้า เฟซบุ๊ก เมื่อคลิกเข้าสู่ระบบ ผมก็เห็นข้อความตกค้างจากเพื่อนเก่ามากมายนับสิบคน ผมอ่านอย่างตกใจ ทุกคนพูดถึงแต่สมชัยว่าน่าสงสาร บางคนก็เล่าถึงความดีของสมชัยให้ฟัง ผมงุนงงมาก เมื่อคลิกมาหน้าหลักก็พบแต่ฟีดข่าวเรื่องการไลฟ์สดฆ่าตัวตายของหนุ่มใหญ่ เมื่ออ่านรายละเอียด ทั้งภาพในเนื้อข่าวและชื่อคือสมชัย!

ผมเงยหน้า ละจากจอมือถือ สมชัยไม่อยู่แล้ว ได้แต่แว่วเสียงของสมชัยว่า ลาก่อนและขอบใจ อยู่นับสิบๆ ครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน