“นทธี ศศิวิมล”

ผมรีบวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ แต่ไม่ทัน จ่าแกล็อกล้อแล้ว ผมครวญทันทีที่เห็นหน้าจ่า “โธ่ พี่ ตรงนี้จอดได้ไม่ใช่หรือ ไม่มีขาวแดงไม่มีขาวเหลือง”

“ใครพี่มึง ไหนใครบอกว่าจอดได้” จ่าตะคอกกลับ

ผมเจอแกสวนกลับอย่างท้าทายและหยาบคายจึงเงียบ หลังแกเดินลับตาไป แม่ค้ากล้วยแขกหน้าธนาคารและใกล้บริเวณที่ผมจอดมอเตอร์ไซค์ก็พูดขึ้น “จ่าแมร่งก็เหี้ยแบบนี้ แมร่งคิดว่าถนนนี้ของมัน” พูดจบก็เงียบ เพราะจ่าแมร่งเดินกลับมาพอดี หนนี้เดินผ่านแผงก็หยิบกล้วยทอดชิ้นนึงเข้าปากและหยิบติดมือไปอีกชิ้น

“วันไหนมันจ่ายตังค์ กูถูกหวยแน่” แม่ค้าพูดอย่างไม่พอใจ

ผมยืนงงอยู่พักหนึ่ง เกิดมาขี่มอเตอร์ไซค์มา ยี่สิบปีไมเคยถูกล็อกล้อ ตอนขับกระบะว่าไปอย่าง เลยยืนรอ จ่าเดชก็เดินกลับมาอีก ผมเลยถามแกว่าต้องทำยังไง

“โง่ ก็ยืนอยู่ตรงนี้แหละ”

“อ้าว จ่าทำไมพูดแบบนี้แหละ ก็คนมันไม่รู้นี่”

“ค่าล็อก 500 ค่าปรับ 500”

“ข้อหาอะไรจ่า”

“กีดขวางทางจราจร”

“ตรงนี้ไม่ได้ห้ามจอด ป้ายก็ไม่มีห้าม ผมมาธนาคารก็ต้องจอดสิ”

“เข้าไปจอดในธนาคาร ตรงนี้ทางรถวิ่ง” จ่าตอบ

“อะไรกัน จ่าตั้งข้อหาตามใจชอบแบบนี้”

“พูดแบบนี้ เป็นที่อื่นโดนซ้อมไปแล้ว นี่ใจดีแล้วนะ”

“อ้าวๆ” ผมได้แต่บ่นไป

“เร็วๆ กูมีธุระที่อื่นอีก” จ่าพูดอย่างไม่พอใจ

ผมยื่นธนบัตรใบละพันให้ พร้อมยื่นมือรับใบสั่งมา ซึ่งผมก็รู้ว่าไม่ได้หรอก จ่าโบกมือให้ตามเข้าป้อม ผมเดินเข้าไปอย่างหัวเสียและออกมาพร้อมคำสาปแช่งในใจ ขอให้จ่าฉิบหาย ไม่ตายดี

เดินกลับมาพร้อมจ่าที่ก้มลงไขที่ล็อกล้อให้ พอมันเดินไป แม่ค้าก็บ่น “ไม่น่าให้มันเลย ตอนน้องจอด โทษทีพี่ไม่อยู่ ไม่งั้นก็บอกแล้ว มีคนเจอเยอะ มันเอาแต่ใช้อำนาจ ใครพูดจาเยอะๆ อย่างน้อง บางทีมันแกล้งหายไปเลย ปล่อยให้ล็อกคาไว้ถึงเย็น ไอ้จ่านี่ระยำมาก”

“มันชื่อไรพี่”

“เดช จ่าเดช ที่จริงติดยศดาบแล้วปีนี้ เกษียณสิ้นปีนี้แล้ว คงรีบหาเงินไว้ซื้อโลง คนเกลียดมันเยอะ วินหน้าห้างก็ของมันนะ วินแท็กซี่ มอ?ไซค์พวกนั้น ต่างถิ่นไปจอดแมร่งเดินเข้าไปเขียนใบสั่งหมด เมื่อก่อนหน้าแบงก์มันไม่เคยเขียนใบสั่งหรือมาล็อกล้อแบบนี้ พี่ขายมาสิบกว่าปีแล้ว อย่างที่บอกมันคงหาตังค์ก่อนเกษียณ ไอ้ห่านี่ไม่ตายดีแน่”

ผมฟังแม่ค้าร่ายยาวด่าจ่าเดชอีกพักใหญ่ ว่าไปผมก็เจอหน้าจ่าบ่อยเวลามาตลาด แต่ไม่เคยสนใจ ผมเองก็มาธนาคารหลายปี จอดริมถนนตรงนี้ได้ตลอด เพิ่งเจอคราวนี้นี่แหละ

ผมกลับไปเล่าให้เพื่อนในร้านกาแฟซึ่งส่วนใหญ่ก็รุ่นลุงรุ่นน้าฟัง เขาด่าจ่าเดชกันหมด ผมถึงรู้ว่าจ่ามันเลวระยำมานานแล้ว จ่ามีร้านคาราโอเกะ ร้านนวดแผนโบราณที่เป็นซ่องของตัวเองสองร้าน มีรายได้แต่ละเดือนไม่น้อย มีธุรกิจที่สีเทาๆ หลายแห่ง แถมชอบยัดข้อหาให้คน เรื่องยัดยาให้นี่เรื่องปกติ เพื่อนบ้านแกคนไหนมีปัญหากับแก แกโยนยาเข้าบ้านแล้วอีกไม่นานตำรวจก็มาที่บ้าน ต่อรองเรียกเงินได้จนพอใจก็จบ ใครมีปัญหาที่โรงพักไปหาจ่าแล้วยัดเงินใต้โต๊ะให้เพื่อเดินเรื่องก็ได้ ไม่นานก็เรียบร้อย ผมเองไม่เคยสุงสิงกับคนแบบนี้มาก่อน นึกรังเกียจขยะแขยงมาก ขนาดผมเจอเรื่องนี้เรื่องเดียว ยังนึกเกลียดแกเลย คนอื่นล่ะ คงไม่ต้องพูดถึง

เวลาผ่านไปพักใหญ่ ผมไม่เจอจ่าเดชอีก ว่าไปก็สองปีน่าจะได้ จนกลางดึกคืนหนึ่ง ผมมีธุระกลางดึก เพื่อนพ่อไม่สบาย รถเพื่อนเสียพอดี โทร.หาผมขอความช่วยเหลือ ผมจึงรีบออกจากบ้าน ทันทีที่รถกระบะที่ผมขับเลยสี่แยก ผมเห็นรถคันหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ จังหวะนั้นเองที่เพื่อนก็โทร.เข้ามาพอดี ผมรีบจอดและกดรับสาย

“กำลังเดินทางอีกไม่ถึงสามนาที มึงรอก่อนนะ” เพื่อนโทร.มาตาม พ่อเขาสลบไปแล้ว ด้วยความร้อนใจผมจึงขับเลยไป ได้แต่หวังว่าคนขับผ่านมาและไม่มีธุระร้อนอย่างผมคงหยุดให้ความช่วยเหลือ

เมื่อไปถึงบ้านเพื่อนและส่งพ่อเพื่อนถึงมือหมอเรียบร้อยและปลอดภัยแล้ว รุ่งเช้าตอนแวะไปร้านกาแฟ มีแต่คนชวนคุยเรื่องจ่าเดชรถคว่ำตาย โดยไม่มีคนหยุดให้ความช่วยเหลือ บางคนเห็นเป็นจ่าเดชถึงกับถุยน้ำลายใส่เสียด้วยซ้ำก่อนเดินจากไป

เรื่องของจ่าเดชยาวนานในวงสนทนาของคนอีกหลายปี เพราะหลังจากนั้นมักมีคนเห็นจ่าเดชแกยืนโบกมือขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่าน สี่แยกตอนกลางคืน ด้วยร่างที่ท่วมด้วยเลือด จนที่สุดหลวงพ่อเจ้าอาวาสในตลาด ประกาศจะสวดและทำบุญให้จ่าเดชแกกลางสี่แยก

ปรากฏว่ามีแต่คนไปดู แต่แทบไม่มีคนไปทำบุญให้จ่าเดชเลย ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีคนเห็นจ่าแกไปยืนกลางสี่แยกโบกมือขอความช่วยเหลืออีกเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน