เปิดคำพิพากษาจำคุก 13โจ๋บุกฆ่าโหดนศ. สุดเหี้ยมไขควงแทง หนักสุดถึงตลอดชีวิต

แฟ้มคดี

เปิดคำพิพากษาจำคุก 13โจ๋บุกฆ่าโหดนศ.นับเป็นคดีสะเทือนขวัญปี 2560 ที่ถูกปิดลงด้วยคำพิพากษา

สำหรับเหตุกลุ่มวัยรุ่นนับสิบยกพวกบุกหอพัก ที่กลุ่มนักศึกษา ม.ศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี พักอาศัยอยู่

โดยมีจุดมุ่งหมายจะไปตามหาคู่อริที่มีเรื่องกันในคอนเสิร์ต

แต่เมื่อไม่เจอตัว ก็ระบายอารมณ์ใส่กลุ่มเพื่อนจนบาดเจ็บไปตามๆ กัน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังก่อเหตุโหดเหี้ยมใช้ไขควงแทงที่ศีรษะ น้องปอนด์ น.ศ.ปีที่ 4 จนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย

คดีนี้ถูกคลี่คลายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลารวดเร็ว ด้วยการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นได้ทั้งหมด

พร้อมทำสำนวนส่งฟ้องต่อศาลอาญา 14 ราย

เปิดคำพิพากษาจำคุก 13โจ๋บุกฆ่าโหดนศ. สุดเหี้ยมไขควงแทง หนักสุดถึงตลอดชีวิต

น้องปอนด์เหยื่อไขควง

ในที่สุดศาลก็มีคำพิพากษา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต

ส่วนที่เหลือก็ลดหลั่นกันไปตั้งแต่จำคุก 1 ปี-25 ปี

พร้อมชดใช้ให้แม่คนตายกว่า 6 ล้านบาท

หวังว่าจะคืนความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียไม่ได้มากก็น้อย

ศาลตัดสินคดีไขควงแทง

เวลา 10.00 น. วันที่ 24 ต.ค. 61 ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีกลุ่มวัยรุ่นโหดบุกใช้ไขควงแทงขมับฆ่านายธีรพงศ์ หรือปอนด์ ฐิติฐาน น.ศ.ปี 4 ม.ศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อต้นปี 2560

โดยคดีดังกล่าวพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ มีเจ้าของหอพัก ผู้บาดเจ็บ 2 ราย แม่ของปอนด์ เป็นโจทก์ร่วม

ยื่นฟ้องนายกรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต อายุ 23 ปี จำเลยที่ 1 นายเดชาธร หรือไบรท์ มูลมณี อายุ 21 ปี จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคนใช้ไขควงแทงปอนด์ พร้อมจำเลยอีก 12 คน เป็นจำเลยที่ 1-14 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นบาดเจ็บ ได้รับอันตรายแก่กายและจนถึงแก่ความตาย ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธและใช้กำลังประทุษร้าย และพกพาอาวุธมีดไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร รวม 4 ข้อหา

เปิดคำพิพากษาจำคุก 13โจ๋บุกฆ่าโหดนศ. สุดเหี้ยมไขควงแทง หนักสุดถึงตลอดชีวิต

ญาติพอใจ

คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.60 ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.60 จำเลยทั้ง 14 ร่วมกันใช้มีดพกยาว 50 เซนติเมตร 1 เล่มไปที่หอพักบ้านเกรียงไกร เลขที่ 153/2 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี บุกเข้าไปที่ห้องพักเลขที่ 13 ใช้กำลังประทุษร้ายทำร้ายร่างกายนายศิวรักษ์ นาโค ชกต่อยไปตามร่างกายหลายครั้ง พร้อมกับใช้ขวดตีที่ศีรษะ 1 ครั้ง

ใช้มีด 1 เล่มฟันแขนขวาและหน้าผากของนายศิวรักษ์

จากนั้นใช้กำลังประทุษร้ายนายธนพล พุทธมา โดยใช้ไขควงซึ่งวางอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ แทงที่โหนกแก้มซ้ายหนึ่งครั้ง พวกจำเลยยังได้ทำร้ายร่างกายนายธีรพงศ์ หรือปอนด์ ฐิติฐาน อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี หลายครั้ง โดยมีเจตนาฆ่า

ใช้ไขควงปลายแหลมเป็นอาวุธแทงนายธีรพงศ์ที่ขมับศีรษะด้านขวาทะลุผ่านกะโหลกศีรษะเข้าไปในเนื้อสมองจนฉีกขาด มีเลือดออกในสมอง ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ยึดด้ามไขควงสีเหลือง-ดำ จากที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะจับกุมนายกรกนกได้ จากนั้นจำเลยทั้ง 14 คน ทยอยเข้ามอบตัว

ในชั้นสอบสวนทั้งหมดให้การปฏิเสธ ชั้นพิจารณานายกรกนกรับสารภาพข้อหาบุกรุก แต่ปฏิเสธข้อหาฆ่า นายเดชาธร หรือไบรท์ รับสารภาพ และถูกคุมตัวในเรือนจำไม่ได้รับการประกันตัว จำเลยอื่นบางคนรับสารภาพข้อหาบุกรุก

แต่ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ!?!

เปิดหลักฐานเอาผิด 13 จำเลย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน โดยประเด็นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งหมดร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่

ศาลเห็นว่า มีทั้งโจทก์ร่วมที่ 2-3 ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ตายอยู่ในห้องขณะเกิดเหตุเป็นประจักษ์พยาน เจ้าของหอพัก กลุ่มผู้เช่าที่อยู่ในหอพักห้อง 12 ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนาย ที่เบิกความถึงขั้นตอนการทำงานลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนในรูปคณะทำงานกว่า 15 คน

ทั้งหมดเป็นประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อม ให้การและเบิกความสอดคล้องกันเป็นลำดับ ถึงรายละเอียดวันเกิดเหตุที่เห็นรถยนต์ฮอนด้า สีขาว-โตโยต้า 2 คัน สีดำและน้ำเงิน ของพวกจำเลย ขับมาจอดที่หอพัก

โดยได้ความวันเกิดเหตุพวกจำเลยไปดูคอนเสิร์ตและได้พบนายอ๊อฟ เพื่อนของ ผู้ตาย ซึ่งมีเรื่องกันอยู่ กระทั่งจบคอนเสิร์ต ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน พวกจำเลยจึงขับรถมาจอดที่หอพัก แล้วขึ้นมาหานายอ๊อฟที่คิดว่าพักอยู่ที่ห้องเลขที่ 13 โดยพวกจำเลยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของหอพักและห้องเช่าที่เป็นเคหสถานมีเวลาเปิด-ปิดตามเวลาตั้งแต่เวลา 07.00-24.00 น.

จากนั้นไปเคาะประตู เรียกชื่อนายอ๊อฟ แล้วจำเลยที่ 1 กับพวกก็เข้ามาถามหา นายอ๊อฟไม่เจอ แต่ก็ยังคงไม่ออกไป แล้วทุบขวดเบียร์เป็นปากฉลามทำร้ายตามร่างกายและรุมกันเตะ กระทืบโจทก์ร่วมและผู้ตายดังกล่าว

ผู้ตายที่นอนบนเตียงพยายามลุกขึ้นแต่ถูกรุมทำร้าย โดยจำเลยที่ 1 ล็อกคอผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 2 ใช้ไขควงแทงขมับจนเสียชีวิต ระหว่างนี้เจ้าของหอพักก็มาที่ห้องเกิดเหตุเพื่อห้ามระงับเหตุบอกว่าพอแล้วๆ พวกจำเลยจึงกึ่งเดิน กึ่งวิ่งออกไปจากห้องพัก

ขณะนั้นผู้ตายมีเหล็กไขควงเสียบทะลุออกมาทางศีรษะ และมีอาการชักไม่สามารถหายใจได้ จึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีก็ได้เบิกความถึงการสืบสวนสอบสวนเป็นขั้นตอน โดยมีเอกสารรองรับการเบิกความทุกขั้นตอน ซึ่งไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีสาเหตุโกรธเคืองกับพวกจำเลยมาก่อน

นอกจากนี้ยังมีภาพวงจรปิด บริเวณหน้าหอพัก-สถานที่ตามเส้นทางรถยนต์ที่พวกจำเลยขับผ่าน โดยวันเกิดเหตุหากพวกจำเลยไม่พบนายอ๊อฟก็ควรจะกลับออกไป แต่ยังคงระรานรุมทำร้ายโจทก์ร่วมกับ ผู้ตายอย่างอุกอาจ จนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรซึ่งกำลังจะจบการศึกษา และหากไม่เสียชีวิตก็อาจมีหน้าที่การงานที่ดีเลี้ยงดูครอบครัวต่อไปได้

เปิดคำพิพากษาจำคุก 13โจ๋บุกฆ่าโหดนศ. สุดเหี้ยมไขควงแทง หนักสุดถึงตลอดชีวิต

ไขควงปักหัว

จำคุกรูด-1 ปีถึงตลอดชีวิต

จึงพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายกรกนก หรืออาร์ท จำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาบุกรุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพข้อหาบุกรุก ลดโทษเหลือ 6 เดือน แต่เมื่อถูกวางโทษจำคุกตลอดชีวิตจึงไม่อาจเรียงกระทงกับโทษอื่นได้ ให้จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว

จำเลยที่ 2 นายเดชาธร หรือไบรท์ ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันบุกรุก จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี 6 เดือน

ส.ต.ชรินทร์ หรือบิ๊ก แก่นสาร จำเลยที่ 3 นายภาคิน หรือมิก เสือนาค จำเลยที่ 10 และนายอธิบดี หรือซิม กุญแจทอง จำเลยที่ 12 ที่ยืนอยู่หน้าห้องวันเกิดเหตุ ให้จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันบุกรุกโดยมีเหตุฉกรรจ์ตามมา

นายญาณวัฒน์ หรือปาล์ม ทิพย์เที่ยงแท้ จำเลยที่ 4 นายเรวัติ หรือเต้ย อุปถัมภ์ จำเลยที่ 5 นายกฤตินันท์ หรือปาล์ม เนียมเงิน จำเลยที่ 6 นายศุภสิทธิ์ หรือแป้ง ดีท้วม จำเลยที่ 11 ให้จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และข้อหาบุกรุก จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้นคนละ 11 ปี

เปิดคำพิพากษาจำคุก 13โจ๋บุกฆ่าโหดนศ. สุดเหี้ยมไขควงแทง หนักสุดถึงตลอดชีวิต

มือแทง

นายเศรษฐา หรือเติ้ล อุปถัมภ์ จำเลยที่ 7 นายธีราพัฒน์ หรืออั้ม โพธิ์สุทธิ์ จำเลยที่ 8 นายธีรธานนท์ หรือนนท์ ทัพนาค จำเลยที่ 9 นายชินกิตต์ หรือกิต อรรถวรรธน จำเลยที่ 13 ให้ จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย และจำคุก 1 ปี ข้อหาบุกรุก จำเลยรับสารภาพร่วมกันบุกรุก จึงลงโทษเหลือคงจำคุก คนละ 10 ปี 6 ดือน

ส่วนน.ส.มาริสา หรือลูกหมี เงินทอง อายุ 21 ปี จำเลยที่ 14 ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากแม้จะเดินทางมาพร้อมกับพวกจำเลยทั้ง 13 แต่ไม่ได้ลงจากรถ นอกจากนี้น.ส.มาริสายังอาศัยที่หอพักดังกล่าว จึงไม่เข้าข่ายบุกรุก

พร้อมกันนั้นให้จำเลยทั้ง 13 ร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายแก่เจ้าของหอพักโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วย 150,000 บาท

ให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 11, 13 ชดใช้ผู้บาดเจ็บโจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 125,000 บาท โจทก์ร่วมที่ 3 จำนวน 95,000 บาท และมารดาผู้ตาย โจทก์ร่วมที่ 4 จำนวน 6,870,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วัน เกิดเหตุ

หลังฟังคำพิพากษากลุ่มจำเลยยื่นประกันตัวเพื่อสู้ต่อในชั้นศาลอุทธรณ์

ด้านนางอรุณี ดีสุวรรณ ป้าของปอนด์ ระบุว่า ครอบครัวพอใจกับผลคำพิพากษา และจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี

แต่หากฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องตามกระบวนการ แต่ยังหวังให้คนที่ฆ่าหลานได้รับโทษตามกฎหมายโดยไม่ขออโหสิกรรมให้

ส่วนศพหลานเก็บไว้ในโลงเย็นที่ชุมพรบ้านเกิด ยังคงเปิดดูหน้าหลานอยู่ทุกวัน พร้อมฌาปนกิจหลังคดีสิ้นสุดจริงๆ

รอคอยความยุติธรรมด้วยใจจดจ่อ

อ่านต่อข่าวอื่น : คุกตลอดชีวิตโจ๋ไขควงแทง ‘น้องปอนด์’ แม่ยังทำใจไม่ได้ เปิดโลงดูหน้าลูกทุกวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน