แฟ้มคดี : เปิดคำพิพากษาศาลคุก15วัน-ปรับ5พัน สาวจอดขวางบ้านย้อนนาที‘ป้าทุบรถ’

แฟ้มคดี : เปิดคำพิพากษาศาลคุก15วัน-ปรับ5พัน สาวจอดขวางบ้านย้อนนาที‘ป้าทุบรถ’

ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษา

แฟ้มคดี : เปิดคำพิพากษาศาลคุก15วัน-ปรับ5พัน สาวจอดขวางบ้านย้อนนาที‘ป้าทุบรถ’ – ป็นคดีอื้อฉาวแห่งปี 2561 อย่างแน่นอน

สำหรับกรณีป้าทุบรถที่จอดขวางหน้าบ้าน เพื่อไปซื้อของที่ตลาดย่านสวนหลวง

เพราะไม่ใช่แค่รถที่พังเสียหายจากขวานและเสียมของ 2 ป้า

แต่ยังหมายถึงตลาดถึง 5 แห่งที่ต้องถูกสั่งปิด เพราะตรวจสอบแล้วไม่มีใบอนุญาต

เหลือไว้เพียงแค่ความสงสัยว่าต้องมีเจ้าหน้าที่ระดับใดรับ ผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่

ส่วนคดีที่เกิดขึ้นโดยตรง ก็มีทั้งที่สาวจอดรถขวางฟ้องป้าทุบรถในคดีทำให้เสียทรัพย์

กับอีกคดีก็คือที่ 2 ป้าฟ้องกรณีจอดรถกีดขวางและทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ

ซึ่งล่าสุดศาลก็มีคำพิพากษาคดีจอดรถขวาง ให้ลงโทษจำคุกสาวที่จอดรถขวาง 15 วัน ปรับ 5 พันบาท แต่โทษจำคุกให้รออาญา

เป็นบทเรียนของการไม่เคารพสิทธิผู้อื่น

แฟ้มคดี : เปิดคำพิพากษาศาลคุก15วัน-ปรับ5พัน สาวจอดขวางบ้านย้อนนาที‘ป้าทุบรถ’

สาวคู่กรณีป้าทุบรถ

● คุก 15 วัน-จอดขวางบ้านป้า

หลังจากเป็นเรื่องเป็นราวกันมาร่วมปี ก็ถึงเวลาที่ศาลจะมี คำพิพากษา โดยวันที่ 26 พ.ย. ศาลจังหวัดพระโขนง อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.1447/2561 ระหว่างพนักงานอัยการโจทก์ และ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี น.ส. มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ อายุ 61 ปี เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง น.ส. รัชนีกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี

ในความผิดฐานจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกอาคารฯ และก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ

ทั้งนี้ศาลพิพากษา ว่าน.ส.รัชนีกร มีความผิดจริงตามฟ้อง โดยศาลวินิจฉัยในประเด็นสำคัญว่า ที่อ้างว่าใช้เวลาจอดรถซื้อของเพียง 15 นาทีนั้น โจทก์ซึ่งอ้างตัวเป็นพยาน เบิกความระบุว่าจำเลยจอดรถขวางหน้าบ้าน ไม่สามารถออกได้ จึงต้องใช้เวลาบีบแตรนาน ถึง 30 นาที

ศาลพิจารณาเห็นว่า หากจำเลยจอดรถใช้เวลาไม่นาน โจทก์คงไม่นำเสียมและขวานมาทุบกระจกรถของจำเลย จึงเชื่อว่าจำเลยจอดรถขวาง ใช้เวลาซื้อของตามประสงค์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของบุคคลอื่น

การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยเล็ง เห็นผลต่อโจทก์ร่วมทั้งสอง อันเป็นการทำให้โจทก์ร่วมทั้งสองได้รับความเดือดร้อนรำคาญบนถนนสาธารณะ ซึ่งประชาชนชอบที่จะใช้สัญจรได้

ถือว่าจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถาน ทั้งเป็นการจอดรถตรงปากทางเข้าออกอาคาร ในลักษณะกีดขวางการจราจร การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องตามพ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 57 (10) (15), 148 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญเป็นการกระทำในที่สาธารณ สถาน หรือต่อหน้าธารกำนัล จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น

เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายที่มีโทษหนักสุดลงโทษแก่จำเลย ตามมาตรา 90 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับในความผิดตามพ.ร.บ. จราจรทางบก เพื่อให้คดีเลิกกัน

จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง อันเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 397 วรรคสอง เป็นบทหนักที่สุด จำคุก 15 วัน และปรับ 5 พันบาท

แต่เห็นว่าจำเลยไม่ปรากฏเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอกำหนดการลงโทษ 1 ปี

ขณะที่ทนายของ 2 ป้าทุบรถระบุว่า ส่วนคดีที่ 2 ป้าตกเป็นจำเลยในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ กรณีใช้ขวานและเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ของน.ส.รัชนีกร ที่จอดขวางบ้านตัวเอง ที่ผ่านมาศาลนัดไกล่เกลี่ย แต่ไม่ลงตัว ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกใน วันที่ 7 มี.ค. 2562

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตาม

● ย้อนนาทีขวานทุบรถ

สำหรับเหตุการณ์ซึ่งเป็นที่มาของคดี เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของ วันอาทิตย์ ที่ 18 ก.พ. ณ ตลาดนัดในหมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวง หนองบอน เขตประเวศ กทม.

เป็นจังหวะต่อเนื่องจากที่น.ส.รัชนีกร ขับรถปิกอัพนิสสัน นาวาร่า สีขาว ทะเบียน ฎค 9297 กทม. ไปจอดหน้าประตูบ้านเลขที่ 37/208 ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.รัตนฉัตร ก่อนลงจากรถไป ซื้อของในตลาดนัด

ซึ่งประจวบเหมาะกับจังหวะที่คนในบ้านจะออกไปทำธุระ เมื่อเปิดประตูออกเจอรถขวาง ก็บีบแตรไล่เสียงดังสนั่น เรียกความสนใจจากคนที่ผ่านไปผ่านมา แต่น่าเสียดายที่เจ้าของรถไม่กลับมาดู

ทันใดนั้นน.ส.มณีรัตน์ ก็คว้าขวานมาจามไปที่กระจกรถ ขณะที่น.ส.รัตนฉัตร ใช้เสียมทุบที่กระโปรงหน้ารถและกันชน จนพังเสียหาย

เวลาผ่านไปอีกหลายนาที จนกระทั่งน.ส.รัชนีกร ที่ช็อปปิ้งเสร็จ กลับมาถึงรถ เห็นภาพความเสียหายก็ช็อกหนัก จนเกิด วิวาทะ ถูกตั้งคำถามถึงจิตสำนักที่จอดรถขวางประตูบ้านคนอื่น

ขณะที่น.ส.รัชนีกร แจ้งความกับ เจ้าหน้าที่สน.ประเวศ ในฐานะที่รถถูกทุบเสียหาย

พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถมาจากมหาชัยมาหาเพื่อน แล้วก็ขับรถมาตั้งใจจะไปซื้อของที่ตลาด แต่ไม่มีที่จอดรถ พยายามหาที่จอดรถข้างถนน จนมาเจอที่จอดดังกล่าวอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง คิดว่าเป็นบ้านร้างที่ถูกบังคับคดี เพราะติดป้ายไว้เยอะแยะ มีลวดสะลิงล็อกกุญแจ แต่ไม่ได้อ่านว่าป้ายเขียนอะไรบ้างเพราะเยอะ

เมื่อจอดแล้วก็ล็อกเกียร์ เพราะเป็นความเคยชิน จะได้ไม่มีใครมาเข็นหรือเคลื่อนรถเราได้

ยอมรับว่าผิดที่จอดขวางทางเข้าออกบ้านคน อื่น แต่ก็ไม่ควรจะทำแบบนี้กับรถเรา ส่วนกระแสข่าวว่ามีคนเสียชีวิตเพราะไปหาหมอไม่ทันเนื่องจากถูกจอดขวางหน้า บ้าน ก็เป็นคนละเรื่องกัน หลังจากนี้ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เป็นคดีที่ยังรอการพิจารณา

● ลามปิด 5 ตลาดสวนหลวง

โดยน.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ เจ้าของบ้านแถลงเปิดใจหลังเกิดเหตุ ระบุว่า วันเกิดเหตุพยายามเลื่อนรถที่จอดขวาง บีบแตร โทร.แจ้งความแล้ว แต่ก็ไม่มีใครมา เราต้องการให้สิ่งกีดขวางนี้ออกไป คนจอดรถต้องมีจิตสำนึก ป้ายก็มีติดไว้ คุณมากล่าวหาว่าบ้านร้างถูกบังคับคดีได้อย่างไร

วันเกิดเหตุสอบถามคนขับรถกระบะ เขาบอกว่าได้ยินเสียงแตรแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ แต่คุณกลับใส่เบรกมือทิ้งไว้ ทำได้อย่างไร เมื่อมาถึงก็เอาของใส่รถ แล้วยังยืนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดเรา เราเป็นคนที่พักอาศัย กรุณาอย่าสนับสนุนคนที่เข้ามาทำผิดกฎหมาย

ทุกคนยืนดูเรากดแตรตั้งนาน ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เราต้องปกป้องสิทธิของตัวเอง ถ้าเป็นบ้านคุณจะทำอย่างนี้เหรอ คนที่ยืนดูพวกตลาด ไม่มีใครสนใจเลย ก่อนที่จะทำได้ทำทุกอย่างแล้วมันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่ทำลงไป

ที่ผ่านมาตลอด 10 ปี เราต่อสู้กับอำนาจมืด เรามาอยู่ในพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย เดิมซื้อที่ดินนี้ ไม่มีตลาด แต่ต่อมามีตลาดทั้งซ้ายขวา มีเต็นท์โครงเหล็กขนาดใหญ่ ฝนตกน้ำก็เทเข้าบ้าน โดยผู้ว่าฯ กทม.ในขณะนั้น ออกใบอนุญาตให้ ทั้งที่มีคำสั่งคุ้มครองจากศาล แล้วยังละเลยปล่อยให้มีตลาดขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้านหน้า ด้านข้างเป็นตลาด ด้านหลังเป็นที่จอดรถ เกิดมลพิษทางเสียง ควันรถ เดือดร้อนตลอดเวลา ไม่เคยคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อยู่อาศัย

ส่วนที่ต้องเอาสะลิงมาขวาง เพราะมีรถมาขนถ่ายสินค้าหน้าประตูบ้าน รถขนของหนักๆ ทำให้ประตูพัง

ความเดือดร้อนก็มีก่อนนี้ คุณแม่ไม่สบาย เป็นโรคปอด ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล แต่รถออกไม่ได้ ต้องไปนอนโรงพยาบาล จนเสียชีวิต เพื่อนบ้าน พ่อไม่สบาย ก็ออกจากบ้านไม่ได้ เพื่อนบ้านอีกคน ตกบันไดขาหัก รถพยาบาลเข้าไม่ได้ ต้องลงไปกราบถนนเพื่อขอร้องก็เคยมาแล้ว

และแน่นอน เมื่อเรื่องที่ซุกไว้ถูกรื้อขึ้น ก็ส่งผลสะเทือนถึงขั้น ตลาดที่อยู่ใกล้เคียง 5 แห่ง ประกอบด้วยตลาดสวนหลวง ตลาด เปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดยิ่งนรา ตลาดรุ่งวาณิชย์ และตลาดร่มเหลือง ที่เปิดตามอำเภอใจเพราะไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้งตลาด ก็ถูกปิดแทบจะในทันที

แม้ความเดือดร้อนของป้าทุบรถจะถูกเยียวยาในระดับหนึ่ง

ก็ยังคงมีคำถามว่าเมื่อไม่ได้ขออนุญาตแล้วทำไมเปิดมาได้เกือบสิบปี แล้วไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับใดที่ต้องรับโทษจากความละเลยครั้งนี้เลย

หรือควรที่จะมีบทลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เป็นเรื่องที่สังคมยังจับตาดู

ถือเป็นผลพวงที่เกิดจากการไม่เคารพสิทธิผู้อื่นโดยแท้

อ่านสดจากสนามข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน