ย้อนคดี 2หญิงฉกเงินยาย

วานให้กดเอทีเอ็มดันเชิด

จับแล้ว1-ตามต่ออีกราย

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

2หญิงฉกเงินยาย วานให้กดเอทีเอ็มดันเชิด- ผู้สูงอายุนับเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่ามิจฉาชีพ พวกนี้มักเข้ามาในรูปของผู้หวังดี มีน้ำใจช่วยเหลือ แต่ก็คอยจ้องหาจังหวะฉกฉวยผลประโยชน์

ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. เมื่อโลกโซเชี่ยลมีการแชร์คลิปจากกล้องวงจรปิด บริเวณตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาหน้า สภ. บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งสามารถจับภาพพฤติ กรรมของสาวใหญ่ สวมเสื้อลาย ทำที เข้ามาช่วยยายกดเงิน แต่สุดท้ายเมื่อ กดเงินออกมาได้ไม่ยอมคืนยาย และนำเงินไปแบ่งหญิงเสื้อส้มที่ยืนกดเงินอยู่ก่อนหน้าเป็นค่ากด ที่สำคัญในคลิปภาพดังกล่าวมีเด็กหญิงอายุประมาณ 10 กว่าขวบ ยืนดูพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ

โดยเพจข่าวคนบ้านไผ่ ได้นำคลิปภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมระบุข้อความว่า รับแจ้งจาก สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ท่านใดรู้จักหญิงเสื้อลาย มีพฤติการณ์ทำทีช่วยกดเงินให้ยายจำนวน 2,000 บาท แล้วไม่ให้เงินยาย เอาไปแบ่งคนเสื้อสีส้ม 500 (ค่ากด)

เบื้องต้นชุดสืบสวนสภ.บ้านไผ่ได้คุมตัวหญิงเสื้อสีส้มได้แล้ว ให้การว่าคนเสื้อลายแบ่งให้ 500 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ ตักเตือนแล้วให้นำเงินมาคืนยาย ส่วนหญิงเสื้อลายตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร พบเห็นแจ้ง สภ.บ้านไผ่ 0-4327-2351 จุดเกิดเหตุ ธนาคารกรุงไทย สาขาหน้า สภ.บ้านไผ่

ธนาคารที่ก่อเหตุ

เชิดเงินยาย

เรื่องราวถูกแชร์ต่อๆ กัน จนสำนักข่าวทั้งทีวีและออนไลน์จับมานำเสนอข่าว เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่ สภ.บ้านไผ่ พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตต์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เข้าสอบสวน นางระเบียบ พิมแสน อายุ 62 ปี หญิงที่อยู่ในคลิปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่

พ.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า จากการสอบสวนหญิง คนดังกล่าวให้การว่า ขณะเดินอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารตามที่ปรากฏในคลิปภาพ ได้พบกับผู้เสียหายซึ่งเดินหาคนกดเอทีเอ็มให้ จึงรับบัตรเอทีเอ็มจากผู้เสียหายไปวานให้หญิงคนใส่เสื้อส้มกดเงินให้ยายอีกที โดยดูยอดเงินก่อน จากนั้นหญิงเสื้อส้มจึงกดเงินออกมาจำนวน 4,000 บาท จากนั้นจึงยื่นเงินให้ยาย 2,500 บาท ตัวเองเอาไป 1,500 บาท

“แม้นเจ้าตัวยอมรับว่าเอาเงินไปจริง และยินดีคืนเงินให้ผู้เสียหาย แต่การกระทำเช่นนี้ถือเป็นความผิด เมื่อสอบปากคำและยอมรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ส่วนที่ว่าจะเจตนาหรือไม่นั้น ไปว่ากันที่ชั้นศาล เพราะเป็นคดีอาญา แม้จะคืนเงิน แต่ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว ต้องว่ากันตามกฎหมาย และต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์” พ.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว

ยายทองจันทร์ รุนหอม เล่าเหตุการณ์

ขณะที่ นางทองจันทร์ รุนหอม อายุ 78 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายก็ได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านไผ่ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกัน โดยยายทองจันทร์ให้รายละเอียดของเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าธนาคารเพียงคนเดียว แต่กดแล้วไม่ได้

สอบนางระเบียบ พิมแสน หญิงเสื้อส้ม

จึงนำบัตรเอทีเอ็มไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร ให้ตรวจสอบว่ารหัสที่ใช้อยู่นั้นทำไมกดเงินไม่ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปรากฏว่ารหัสเดิมกดได้ปกติ จึงมาที่หน้าตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง และวานให้ผู้ที่มาทำธุระบริเวณหน้าตู้เอทีเอ็มกดเงินให้

“หญิงเสื้อลายถือบัตรเอทีเอ็มของยาย ไปยื่นให้หญิงเสื้อสีส้มและบอกให้กดดูยอดเงิน จากนั้นก็สั่งให้กดเงินออกมารวม 4,000 บาท ยายจึงรีบตะโกนบอกว่า พอแล้วๆ ยายต้องการแค่เงินประชารัฐกับเงินผู้สูงอายุรวม 700 บาทเท่านั้น หญิงเสื้อลายก็ดึงเอาเงินจากมือหญิงเสื้อส้มแล้วก็แยกตัวไป ยายจึงรีบไปบอกเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ไปแจ้งความกับตำรวจ กระทั่งตำรวจจับตัวหญิงใส่เสื้อส้มได้” นางทองจันทร์กล่าว

วงจรปิดขณะกดเงิน

 

นางทองจันทร์กล่าวต่ออีกว่า เงินที่ถูกกดออกไปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและ เจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังตรวจสอบอยู่ว่าจำนวนเท่าใดแน่ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุหากนำเงินมาคืน ยายทองจันทร์บอกว่าก็พร้อมจะให้อภัย และไม่เอาเรื่อง แค่อยากเตือนว่าอย่าทำกับใครอีก

แม้นจะเป็นคดีอาญาที่กฎหมายระบุไว้ว่ายอมความไม่ได้ แต่หากหญิง เสื้อลายรู้สำนึกผิด รีบเข้ามอบตัวนำเงินมาคืนให้ยายผู้เสียหายซะ โทษหนักก็จะเป็นเบา แต่หากยังหลบหนีต่อไป ก็คง ไม่รอดคุกตะรางเป็นแน่

จักรพันธ์ นาทันริ

เรื่อง/ภาพ

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน