เบื้องหลังคดีสุดช็อก!

สาวจ้างฆ่าแม่-ฮุบมรดก

สงสัยแฟนค้ายาบงการ

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

เบื้องหลังคดีสุดช็อก! – สาวจ้างฆ่าแม่-ฮุบมรดก สงสัยแฟนค้ายาบงการ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีคนร้ายขับรถเก๋งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้หญิงอายุ 55 ปี ซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าแม่บ้านบริษัท ทำความสะอาดย่านถนนประเสริฐมนูกิจ ขณะกำลังปั่นจักรยานเดินทางกลับบ้านในหมู่บ้านสวนทิพย์ ซอยคลองลำเจียก 12 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส การติดตามสืบสวนหาตัวคนร้ายของตำรวจนครบาล เปิดเผยเรื่องราวอันน่าตกใจที่ผู้ก่อเหตุกลับกลายเป็นลูกสาวที่จ้างวานฆ่าแม่แท้ๆ ของตัวเอง

นาทีลั่นไก

เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 9 ส.ค. ที่สน. โคกคราม พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.โคกคราม แถลงการจับกุม น.ส.กาญจนา หรือ ต่าย ศรีสังข์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหา จ้างวานฆ่าแม่ตัวเอง หวังเอาเงินประกันและที่ดินต่างจังหวัด รวมมูลค่าหลายสิบล้านบาท โดยมีนายประเชิญ หรือ จ่อย กระบินโรท อายุ 40 ปี มือปืน และนายดาว แจ้งประดิษฐ์ อายุ 35 ปี ผู้ขับรถยนต์หลบหนี

คุมทีมมือปืนทำแผนฯ

ที่มาที่ไปของคดีว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนางเอื้อมเดือน ศรีสังข์ อายุ 55 ปี ซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าแม่บ้านบริษัททำความสะอาด ย่านถนนประเสริฐมนูกิจ ขณะกำลังปั่นจักรยานเดินทางกลับบ้านในหมู่บ้านสวนทิพย์ ซอยคลองลำเจียก 12 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกอาวุธปืนเข้าที่ใต้ราวนมขวา กระสุนฝังใน 1 นัด ก่อนเข้ารับการรักษาตัวที่ ร.พ.ลาดพร้าว จนอาการปลอดภัย

พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบช.น. แถลง

ชุดสืบสวนสอบปากคำผู้บาดเจ็บให้การว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับใคร แต่ก็เอะใจว่าปกติจะดื่มน้ำแดงเป็นประจำ แต่มีอยู่วันหนึ่งพบว่าน้ำแดงที่แช่ไว้ในตู้เย็นมีกลิ่นผิดปกติจึงได้เททิ้ง และพบว่ามดที่กินน้ำแดงตายหมด

หลังได้ข้อมูลทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าสืบสวนในเชิงลึกพบว่าผู้บาดเจ็บอยู่กันสองคนแม่ลูก พ่อตาย แม่มีประกันและมรดกเป็นที่ดินกว่าสิบล้าน และแม่ลูกทะเลาะกันบ่อยครั้ง จากการสืบในเชิงลึก พบว่าแฟนของ น.ส.กาญจนาเพิ่งถูกจับในคดียาเสพติด ขณะที่ก่อนเกิดเหตุน.ส.กาญจนามีการติดต่อกับกลุ่มของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเพื่อนกับแฟนหนุ่มของตน โดบพบว่าได้มีการโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกัน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ารถคันที่ก่อเหตุมีลักษณะตำหนิตรงกับรถของคนในกลุ่มที่พูดคุยกัน จึงได้เชิญตัวจากบ้านพักมาสอบสวนที่ สน.โคกคราม กระทั่ง ทั้งสามรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมกันก่อเหตุจริง

ด้านพ.ต.อ.อลงกรณ์กล่าวว่า น.ส.กาญจนาให้การว่าแฟนของตนถูกจำคุกในคดียาเสพติดอยู่เรือนจำมีนบุรี จึงต้องการเงินไปใช้ประกันตัวแฟน และทราบว่าแม่ได้ทำประกันชีวิตไว้ 3 กรมธรรม์ ฉบับละ 100,000 บาท และยังมีที่ดินในต่างจังหวัดอีกประมาณ 50 ไร่ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งตนจะเป็นผู้ได้รับมรดกหลังจากที่แม่เสียชีวิต จึงไปจ้างวานนายดาว ซึ่งเป็นเพื่อนของแฟนตนเองกับนายประเชิญ รวม 2 แสนบาทมาร่วมก่อเหตุดังกล่าว

น.ส.กาญจนาถูกแจ้งข้อหา จ้างวานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และแจ้งข้อหานายประเชิญและนายดาว ฐานร่วมกันพยายามฆ่าฯ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองและพกพาไปในทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร

ตํารวจยังไม่ปักใจเชื่อกับคำให้การ เนื่องจากนายประเชิญมีประวัติคดีสมคบค้า ยาเสพติดในพื้นที่ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อปี 2560 จึงจะต้องสอบปากคำถึงมูลเหตุจูงใจที่แท้จริงอีกครั้ง อีกทั้ง น.ส. กาญจนาไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ทั้งยังเคยพยายามห้ามปรามแฟนตัวเองไม่ให้ไป ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย จึงยังมีข้อสงสัยว่าผู้ต้องหารายอื่นอาจบีบบังคับให้ น.ส.กาญจนาร่วมก่อเหตุหรือไม่

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในหมู่บ้านสวนทิพย์ โดยจุดแรก นายประเชิญและนายดาวได้นั่งรถยนต์เก๋งเข้ามากลางซอยและสวนกับคนเจ็บที่กำลังปั่นจักรยานเข้าบ้าน จากนั้นนายดาวได้ชะลอรถและ นายประเชิญก็ลดกระจกลงยิงปืนใส่คนเจ็บ 1 นัด แล้วคนเจ็บก็ล้มจากจักรยาน ก่อนที่นายประเชิญจะยิงมั่วไปอีก 1 นัดแต่ไม่ถูกตัว แล้วรีบหลบหนีไป

ขณะที่ยายของผู้ต้องหาถึงกับปล่อยโฮหลังทราบเรื่องราว ก่อนจะเผยว่า ตนสงสัยว่าลูกสาวถูกหลานสาวพยายามฆ่ามาแล้ว 2 รอบ แต่ลูกสาวไม่ตาย คือ เมื่อต้นปี ม.ค. 62 ก็จ้างมือปืนจะไปยิง บังเอิญกระสุนด้านและชี้ผิดตัว มือปืนเลยเอาด้ามปืนตบ ตอนนั้นมีคนอื่นเจ็บตัวแทนกระทั่งจ้างมือปืนดักยิงแม่ตัวเองที่หน้าบ้านอีกครั้งนี้

ด้านนางเอื้อมเดือนเผยว่า หลังเกิดเหตุเจอลูกแต่ไม่ได้คุยเรื่องนี้ แม้จะรู้ว่าลูกสาวทำ แต่คนเป็นแม่ยังไงก็อภัยให้ลูกได้ แต่คงไม่ไปประกันตัว และไปเยี่ยมลูกสาว หัวอกแม่เสียใจ ไม่อยากทำร้ายลูกอีก เชื่อว่าลูกหลงผิดอะไรบางอย่าง แต่ไม่โทษลูกสาวจากนี้ขอให้กฎหมายดำเนินการต่อไป

แม้เฉียดตายมาหลายครั้งจากฝีมือลูก แต่แม่ก็ยังหวังดีกับ ลูกเสมอ

สมศักดิ์ ชฎารัตน์

เรื่อง/ภาพ

 

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน