คำสารภาพฆาตกรหื่น ลวงขืนใจ-ฆ่าเมียเพื่อน

ทิ้งศพเปลือยในป่ากก : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ลวงขืนใจ-ฆ่าเมียเพื่อน ทิ้งศพเปลือยในป่ากก – ด้วยความเป็นห่วงสามี ประกอบกับความไว้วางใจ ทำให้น.ส.ปริศนา (สงวนนามสกุล) หญิงสาวหน้าตาดีต้องเอาชีวิตมาทิ้งด้วยวัยเพียง 18 ปี

ย้อนไปเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ร.ต.ท.จิรายุ เฉิดฉาย รอง สว. (สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งมีผู้พบศพหญิงสาว เสียชีวิตในป่ากก ภายในซอยสุวินทวงศ์ 24 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี

และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ) แพทย์นิติเวช รพ.ตร. และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่ท้ายซอยค่อนข้างเปลี่ยวและมืด ภายในป่ากกพบศพหญิงสาวสวมเสื้อชุดนอนลายเป็ดสีเหลือง ท่อนล่างเปลือย สภาพนอนคว่ำหน้าจมน้ำ โดยมีญาติผู้ตายยืนเฝ้าอยู่จำนวนมาก

ลวงขืนใจ

จุดที่เกิดเหตุ

ใกล้กันพบ นายยุติพงษ์ สุขเจริญ อายุ 22 ปี สภาพใบหน้ามีบาดแผลบวมปูด อาบเลือด นอนหมดสติ เนื่องจากถูกญาติผู้ตายรุมประชาทัณฑ์ สอบถามได้ความว่าเป็นผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง ร.พ.นวมินทร์ 9

ด้านน.ส.ภัคจิรา (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พี่สะใภ้ผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยนายยุติพงษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับสามีผู้ตายขี่จยย.มารับที่บ้านย่านสุวินทวงศ์ บอกว่าสามีเมาไม่ได้สติอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ริมถนน สุวินทวงศ์ ให้ไปช่วยพากลับบ้าน

กระทั่งเวลา 05.00 น. นายยุติพงษ์โทรศัพท์ไปบอกสามีผู้ตายว่า ถูกคนร้าย 4-5 คนรุมทำร้ายร่างกาย จนรถล้มอยู่ในซอยสุวินทวงศ์ 24 ให้มาช่วยเหลือ พอสามีผู้ตายมาถึงเห็นนายยุติพงษ์ถูกรถจยย.ล้มทับอยู่ที่กลางซอย

สภาพลำตัวเสื้อผ้าเปียกปอนจึงไปช่วยเหลือ แต่นายยุติพงษ์ได้บอกสามีผู้ตายว่า น.ส.ปริศนาวิ่งหนีเข้าไปท้ายซอย สามีผู้ตายจึงออกตามหา แต่พบเพียงรองเท้าแตะตกอยู่ข้างเดียว

พี่สะใภ้ผู้ตายเล่าต่อว่า ตลอดทั้งวันญาติๆ ช่วยติดต่อตามหาน.ส.ปริศนาทั้งทางไลน์ เฟซบุ๊กและทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเวลา 23.00 น. จึงตัดสินใจเข้ามาตามหา ผู้ตายอีกครั้ง

กระทั่งพบแมวดำเดินเข้าไปภายในป่ากกข้างทาง ห่างจากถนน 10 เมตร ใกล้จุดพบรองเท้าแตะ จึงได้เข้าไปดูก็พบผู้ตายนอนจมอยู่ในน้ำ จึงรีบแจ้งตำรวจ

หลังพบผู้ตาย ทำให้ญาติผู้ตายมั่นใจว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายยุติพงษ์ ซึ่งอยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย จึงไปตามหาตัวที่บ้านพักย่านเสรีไทย ขณะนั้นนายยุติพงษ์กำลังนอนอยู่ จึงพยายามเค้นถามความจริง

แต่นายยุติพงษ์ พูดจาวกวนคล้ายคนเมายาว่า “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” และยอมรับว่าร่วมกับเพื่อน 4-5 คน รุมทำร้ายผู้ตาย ก่อนนำศพมาทิ้งหมกไว้ในป่ากกดังกล่าว

ต่อมาญาติผู้ตายนำตัวนายยุติพงษ์ มาที่เกิดเหตุ ก่อนจะถูกชาวบ้านและญาติอีกบางส่วนที่เฝ้ารอรุมประชาทัณฑ์จนได้รับบาดเจ็บ

พ.ต.อ.คมกฤษณ์ เปิดเผยในวันรุ่งขึ้น ถึงเรื่องราวในวันเกิดเหตุว่า จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นายยุติพงษ์และสามีผู้เสียชีวิตนั่งดื่มเหล้าอยู่ด้วยกัน

จากนั้นนายยุติพงษ์บอกกับสามีผู้ตายว่าจะไปข้างนอก แต่กลับไปหาผู้ตายที่บ้านและหลอกให้ออกมารับ สามีที่เมาไม่ได้สติ ก่อนจะลงมือก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่านายยุติพงษ์เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีเสพยาเสพติดมาก่อน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอ ศาลอนุมัติหมายจับนายยุติพงษ์ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบัง ซ่อนเร้น อำพรางศพ” ในส่วนประเด็นจะมีการถูกข่มขืนหรือไม่ต้องรอผลชันสูตรโดยละเอียดจากแพทย์ เพื่อหาข้อสรุปในการก่อเหตุครั้งนี้ต่อไป

ลวงขืนใจ

นำศพส่งชันสูตร

วันที่ 14 ก.ย. ที่ ศาลมีนบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน เดินทางไปควบคุมตัว นายยุติพงษ์ สุขเจริญ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา ออกมาจากร.พ.นพรัตนราชธานี มาฝากขังที่ศาลมีนบุรี หลังอาการดีขึ้นตามลำดับ จนทางแพทย์อนุญาตให้ออกจากร.พ.ได้

ทั้งนี้นายยุติพงษ์ถูกแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด ประเภทที่ 1 (ยาบ้า) และขับขี่ยานพาหนะ เพิ่มจากเดิมข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและปิดซ่อนเร้นอำพรางศพ อีก 1 ข้อหา

โดยเจ้าตัวอยู่ในสภาพอิดโรย หน้าตาเขียวช้ำ ปวดปูด มีผ้าก๊อซ ปิดที่บริเวณหน้าผาก และเดินขากะเผลก ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีอัตราโทษสูง เป็นคดีสะเทือนขวัญ ก่อนถูกนำตัวส่งเข้าเรือนจำ

ลวงขืนใจ

ส่งฝากขังศาลมีนบุรี

พ.ต.อ.คมกฤษณ์เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ข่มขืนแล้วฆ่าหญิงสาวผู้ตาย โดยข่มขืนก่อนแล้วใช้มือบีบคอจนเสียชีวิต ทั้งนี้โดยผู้ต้องหาเสพยาบ้ามาก่อนที่จะก่อเหตุ

ส่วนผลแพทย์เรื่องการถูกข่มขืน หากทางแพทย์แจ้งผลมาก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง ทั้งนี้พบว่าผู้ต้องหามีประวัติครอบครองยาเสพติด ในพื้นที่สน.ฉลองกรุงและสน.ร่มเกล้า

เมื่อมีทั้งฤทธิ์เหล้าและฤทธิ์ยา ผสมอยู่ในคนคนเดียว สติความยับยั้งชั่งใจก็หายไป มีแต่สัญชาตญาณของสัตว์ร้ายที่เข้าครอบงำ

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว โดย พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี, อดิศร จิตตเสวี
เรื่อง/ภาพ

…อ่าน…

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน