คำสารภาพโจรปล้นแบงก์ ควงปืนเก๊บุก-ตะโกนขู่ลั่น

ถูกดึงหัวทิ่ม-รวบทันควัน : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

คำสารภาพโจรปล้นแบงก์ ควงปืนเก๊บุก-ตะโกนขู่ลั่น ถูกดึงหัวทิ่ม-รวบทันควัน : สดจากสนามข่าว – ยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง คนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า มีปัญหาหนี้สินพะรุงพะรัง กลายเป็นปัญหาที่หลายคนไม่มีทางออก

จนเกิดปรากฏการณ์‘ลักวิ่งชิงปล้น’กันทั่วทุกหัวระแหง

แน่นอนว่าแม้จะสิ้นหนทางเพียงใด ก็ไม่ใช่เหตุผล หรือข้ออ้างที่จะทำผิดกฎหมายได้

เหมือนเช่นกรณีโจรปล้นแบงก์ในเมืองกรุงที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เพราะในที่สุดก็หนีไม่พ้น ต้องเข้าไปรับกรรมในตะราง

นาทีปล้น

“ถ้าไม่ถึงที่สุดผมก็ไม่ทำหรอก” เหตุผลที่นายพิชิต ศรีใสคำ อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานส่งเอกสารของแอพพลิเคชั่นดัง ให้การหลังถูกจับคาแบงก์ทหารไทย

ต้นสายปลายเหตุของคำพูดดังกล่าว ต้องย้อนไปเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. พ.ต.ท. นิรันดร์ โสมะคุณานนท์ รองผกก. (สอบสวน) สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุมีคนร้ายชิงทรัพย์ธนาคารทหารไทย สาขาถนนพัฒนาการ เลขที่ 1522 และ 1524 ซอยพัฒนาการ 48 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 พ.ต.ท.เรวัช ราชสังข์ รองผกก.สส.สน.คลองตัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน

ที่เกิดเหตุอยู่ปากซอยพัฒนาการ 48 ฝั่ง ขาเข้า เป็นอาคารพาณิชย์ติดกัน 2 คูหา สูงจำนวน 4 ชั้น ด้านนอกมีตู้บริการฝาก-ถอนเงิน 2 ตู้ และตู้ปรับสมุดบัญชี 1 ตู้ ส่วนด้านในเป็นจุดบริการสำหรับลูกค้าที่ติดต่อทำธุรกรรมการเงินจำนวน 3 เคาน์เตอร์

จนมุมตร.

พบพนักงานธนาคาร 3-4 คน อยู่ในอาการตกใจ ขณะที่คนร้ายถูกพนักงานธนาคารและพลเมืองดีได้ช่วยกันจับตัวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือนายพิชิต ศรีใสคำ อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานส่งเอกสารของแอพพลิเคชั่นดัง เป็นชาว ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

นอกจากนี้ยังพบรถจยย.ฮอนด้า เวฟไอ สีขาว-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน อาวุธปืนปลอมสีดำ 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 1 นัด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง คีม 1 อัน สนับมือ 1 อัน กระเป๋าใบใหญ่สีเทา 1 ใบ เสื้อแจ๊กเกตหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีน้ำเงิน-แดง 1 ใบ

พาหนะก่อเหตุ

จึงคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาสอบสวนต่อยัง สน.คลองตัน

จากการสอบปากคำพนักงานธนาคารรายหนึ่งทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.40 น. ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการบริเวณหน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับพนักงานคนอื่นอีก 3-4 คน มีคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 160-165 ซ.ม. ขับรถจยย.ฮอนด้า เวฟไอ สีขาวคาดแดง มาจอดติดเครื่องไว้บริเวณด้านหน้าธนาคาร สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีน้ำเงินแดง แจ๊กเกตสีดำแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ เดินเข้ามา

คนร้ายพยายามกระโดดเข้ามาภายในเคาน์เตอร์ช่องที่ 2 พร้อมกับตะโกนว่า “นี่คือการปล้น”

สิ้นเสียงของคนร้าย ตนจึงคว้ากระเป๋าคาดหน้าอกของคนร้ายไว้จนคนร้ายเสียหลักล้มลงมาในเคาน์เตอร์ จากนั้นได้ตะโกนให้เพื่อนพนักงานและพลเมืองดีเข้ามาควบคุมตัว ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมตัวดังกล่าว

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริงและทำเป็นครั้งแรก โดยจะขี่รถจยย.ตระเวนดูตามธนาคารต่างๆในบริเวณใกล้เคียงจำนวน 2-3 แห่ง ก่อนจะมาดูที่ธนาคารนี้ เห็นว่าไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัย จึงตัดสินใจลงมือเข้าไปก่อเหตุ ส่วนสาเหตุเพราะติดค้างค่าเช่าห้องพัก 2 เดือน พร้อมระบุว่าถ้าไม่ถึงที่สุดก็คงไม่ทำ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายพิชิตไปค้นห้องเช่าในซอยรามคำแหง 1/1 แขวงและเขตสวนหลวง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติไม่พบว่าเคยก่อเหตุอาชญากรรมแต่อย่างใด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “พยายาม ชิงทรัพย์, พกพาสิ่งเทียมอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ”

สำหรับธนาคารดังกล่าวเคยถูกก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2561 ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุสวมหมวกกันน็อกสีขาวเต็มใบและใช้รถจยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ได้เงินไปจำนวน 105,320 บาท และหลบหนีไปแต่ถูกจับกุมตัวได้ที่จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 62 กระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำอีก

เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่กำลังเดินทางผิด ตัดสินใจใหม่ให้ดี!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน