ขมวดปมฆ่าเผาบิลลี่อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์เปิดหลักฐานวงจรปิดเศษกระดูกในถังน้ำมัน

ขมวดปมฆ่าเผาบิลลี่อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์ : เป็นอีก 1 คดีใหญ่ของปี 2562 สำหรับคดีบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ที่สูญหายไปตั้งแต่ปี 2557

ซึ่งก่อนหน้านี้แม้ครอบครัวของบิลลี่ จะเดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรม จากหน่วยงานยุติธรรมต่างๆ ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดขององค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก คดีก็ไม่ได้มีความคืบหน้า อันใด

แต่แล้วด้วยความพยายามอย่างจริงจังของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เกาะติดสืบสวนไม่ลดละในที่สุดก็ได้หลักฐานชิ้นสำคัญ

นั่นก็คือถังน้ำมัน 200 ลิตร ใส่เศษกระดูก ที่มีความเชื่อมโยงกับแม่ของนายบิลลี่ เชื่อได้ว่ากระดูกดังกล่าวเป็นของบิลลี่

และหากไม่มีกระดูกชิ้นนี้ในร่างกาย ก็เท่ากับว่าบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว

คดีคนหาย จึงกลายเป็นคดีฆาตกรรมทันที!??

และด้วยการรวบรวมหลักฐาน จึงนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกรวม 4 คน ที่อยู่กับบิลลี่ในวันหายตัว

ดำเนินคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

หลักฐานสำคัญ

ยื่นฟ้องชัยวัฒน์ฆ่าเผาบิลลี่

วันที่ 11 .. 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งอนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายบุญแทน บุษราคำ นายธนเสฏฐ์ หรือ นายไพฑูรย์ แช่มเทศ และ นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ 8 ข้อหา และเนื่องจากทั้งหมดยังเป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

ต่อมาวันที่ 12 .. นายชัยวัฒน์และพวกเดินทางเข้ามอบตัวที่ศาล พร้อมยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่ถูกสื่อและดีเอสไอสร้างสตอรี่ให้ชีวิตรับราชการต้องมัวหมอง พร้อมยื่นประกันด้วยหลักทรัพย์คนละ 8 แสนบาท โดยที่ศาลให้ประกัน แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และให้รายงานตัวต่อศาลตามวันและเวลาที่กำหนด

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

ชัยวัฒน์มาศาล

แต่นายชัยวัฒน์เองก็ยังให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องคดี โดยย้ำว่าถูกสร้างพยานหลักฐานเท็จ และประกาศจะเข้าไปในจุดที่พบถังฆ่าเผาบิลลี่ ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อจุดธูปสาบาน จนเป็นเหตุให้ดีเอสไอยื่นถอนประกันเนื่องจากการประกาศจะเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ เกรงจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์แล้วพบว่า พฤติการณ์ของนายชัยวัฒน์นั้นยังไม่พบว่าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเพิกถอนประกัน มีคำสั่งยกคำร้องของดีเอสไอ ขณะที่นายชัยวัฒน์ประกาศยุติเคลื่อนไหวและให้สัมภาษณ์ในทางคดี

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้พักงานนายชัยวัฒน์ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหา จนกระทั่งมีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ จากตำแหน่งผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ไปเป็นผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรจังหวัดปัตตานี

แต่ยืนยันไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี เป็นเพียงการเก็บตกคำสั่งย้ายที่ก่อนหน้านี้ย้ายไปแล้วกว่า 80 นาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 .ค อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์และพวกรวม 4 คน รวม 8 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดการกระทำอื่นของตน, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันมีอาวุธฯ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์, ร่วมกันอำพรางศพ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ

พร้อมยื่นสำนวนมีเอกสารหลักฐาน 17 แฟ้ม ความหนารวม 5,850 หน้า

ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ

เป็นสิ่งที่ต้องรอกระบวนการยุติธรรม

เผยหลักฐานกระดูกทิ้งน้ำ

สำหรับความคืบหน้าของคดีบิลลี่ครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 .. 2562 โดยพ...ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ...กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดี พ...วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และคณะแถลงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่ ว่าจากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และได้รับเบาะแสจากพยานบุคคล จึงร่วมกับม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ใช้โดรนสำรวจทางอากาศ และหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำมาตรวจสอบพื้นที่จุดพิกัดที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำสิ่งของ หรือวัตถุต้องสงสัยไปทิ้ง

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

ถังฆ่าเผา

โดยยานยนต์สำรวจใต้น้ำ สแกนด้วยคลื่นโซนาร์ ตรวจค้นวัตถุพยานใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน นาน 6 ชั่วโมง พบวัตถุต้องสงสัย 3-4 จุด จึงนำนักประดาน้ำจากตชด. มนุษย์กบสำรวจพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง มีการเจาะรู มีลักษณะผุดำ ไหม้เป็นบางส่วน

นอกจากนี้ยังพบเหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น เศษฝาถังน้ำมัน ในถังน้ำมันมีชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น บริเวณใกล้ถังน้ำมันพบเศษกระดูกคล้ายกระดูกมนุษย์

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

ตรวจสะพาน

จึงรวบรวมส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ พบว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อน หรือถูกเผาด้วยความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส

ตรวจพบสารพันธุกรรมหรือไมโครคอนเดียตรงกับ นางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ นายพอละจี เป็นไมโตรคอนเดียดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกเท่านั้น

ยืนยันได้ว่ากะโหลกศีรษะที่พบเป็นของนายพอละจี และ เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรม

จากคดีคนหายกลายเป็นเรื่องฆาตกรรม

ย้อนนาทีสาบสูญ 5 ปี

สำหรับบิลลี่ หรือพอละจี รักจงเจริญ เป็นชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึกบางกลอย ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกอบต.ห้วยแม่เพรียง และเคลื่อนไหวต่อสู้จากกรณีที่ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานบุกไล่ที่ เผาบ้าน เผายุ้งข้าวเมื่อปี 2554 จนคดีเริ่มจะเข้าสู่ศาล

ต่อมาในวันที่ 17 เม.. 2557 บิลลี่ ขี่จยย.สีเหลืองดำ ทะเบียน ขพง 998 ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปที่ตัวอำเภอแก่งกระจาน เพื่อเตรียมข้อมูลยื่นถวายฎีกาเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากเจ้าหน้าที่อุทยานที่ผลักดันให้ออกจากป่า

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

ชัยวัฒน์-บิลลี่

ระหว่างทางที่บ้านหนองมะเร็ว ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บิลลี่ถูกเรียกตรวจโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน และพบน้ำผึ้งป่า จึงควบคุมตัวไว้ พร้อมวิทยุแจ้งให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในขณะนั้น รับทราบ และเดินทางมาสอบสวนบิลลี่ด้วยตัวเอง

ต่อมาวันที่ 18 เม.. 2557 คนในครอบครัวบิลลี่ ร้องเรียนว่าบิลลี่หายไป พร้อมแจ้งความที่สภ.แก่งกระจาน

ขณะที่นายชัยวัฒน์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 เม..2557 ตนกลับจากภารกิจที่เขาพะเนินทุ่ง มาถึงจุดตรวจด่านสามยอด ได้รับแจ้งทางวิทยุว่าควบคุมตัวชาวบ้านบางกลอย มีน้ำผึ้งป่าที่เป็นสิ่งหวงห้ามซ่อนอยู่ เมื่อไปถึงพบนายบิลลี่ ขณะนั้นฝนตก จึงให้เจ้าหน้าที่นำบิลลี่ และจยย.พร้อมของกลางขึ้นรถ ของตน ขับไปที่อุทยาน

ระหว่างทาง นายบิลลี่ขอร้องให้ปล่อยตัว อ้างว่าซื้อน้ำผึ้งป่ามาจากชาวบ้านแค่ 5 ขวด เป็นความผิดเล็กน้อย แต่ตนไม่เชื่อเพราะบิลลี่มีกระเป๋าใบใหญ่ คาดว่ามีน้ำผึ้งอีกจำนวนมาก ขณะนั้นรถมาถึงบ้านมะค่า ห่างจากด่านมะเร็ว 9 .. จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่จอดรถ และลงมาค้นสัมภาระอีกรอบ เมื่อไม่พบน้ำผึ้งอีก จึงว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไปพร้อมจยย.

จากนั้นกลับไปที่ไร่ชัยราชพฤกษ์เตรียมจัดงานสงกรานต์ย้อนหลัง

เช็กวงจรปิดยันไม่ปล่อยตัว

อย่างไรก็ตามยังมีสำนวนสืบสวนของบช.ภาค 7 เมื่อ 5 ปีก่อนในคดีคนหาย ซึ่งสรุปในสำนวนว่าไม่พบการปล่อยตัวบิลลี่จากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ อุทยานฯแก่งกระจาน

โดยเช็กจากกล้องวงจรปิด 4 จุด ประกอบด้วย จุดที่

1 จุดพุไทร พบมีรถเพียงคันเดียวที่เป็นของอุทยาน ผ่านไปที่ด่านมะเร็ว ในเวลา 16.02 . และกลับออกมาในเวลา 16.17 . และมีรถของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตามออกมาในอีก 3 นาที เวลา 16.20 . นำมาประกอบคำให้การที่เจ้าหน้าที่อุทยานยอมรับว่า ควบคุมตัวบิลลี่ไว้บนรถคันนี้ ซึ่งรถคันนี้เป็นรถที่นายชัยวัฒน์ใช้

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

ภาคประชาสังคมจี้คดี

2.จุดคุ้มนางพญา พบภาพรถอุทยานคันนี้ผ่านกล้องในเวลา 16.43 . เส้นทางของรถมุ่งไปทางด่านสามยอด ทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งขัดกับคำให้การของนายชัยวัฒน์ ที่อ้างว่า กลับบ้านที่ไร่ชัยราชพฤกษ์ ซึ่งอยู่คนละทาง และกล้องคุ้มนางพญายังจับภาพได้ว่า รถคันนี้วิ่งผ่านกลับมาในเวลา 19.50 .

3.จุดร้านสมร จับภาพรถอุทยานคันเดียวกัน วิ่งผ่านในเวลา 20.05 . แต่กลับไม่มีภาพของบิลลี่ ที่อ้างว่าถูกปล่อยตัวเลย 4.จุดหนองปืนแตก ซึ่งเป็นจุดทางกลับไปไร่ชัยราชพฤกษ์ของนายชัยวัฒน์ ตามคำให้การของพยาน แต่กลับไม่พบภาพรถของอุทยานขับผ่านจุดนี้เลยแม้แต่คันเดียว

ขมวดปมฆ่าเผา‘บิลลี่’อัยการยื่นฟ้องชัยวัฒน์

ภาพถังของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้จากการจำลองเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้นตามคำให้การของพยาน ก็พบความขัดแย้งทั้งเรื่องช่วงเวลา และจุดที่อ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่ จนมีพยานบางปากกลับคำให้การ แต่เมื่อปี 5 ก่อนไม่พบสิ่งที่บ่งชี้ว่าบิลลี่เสียชีวิตจนมาบัดนี้มีหลักฐานเป็นกระดูกของบิลลี่เมื่อทั้งหมดมารวมกัน เชื่อว่าจะเป็นหลักฐานเอาผิดกับกลุ่มคนร้าย

คืนความยุติธรรมให้กับสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน