ผ่า2คดีสลด2ครอบครัว

ผัวลพบุรีหึงแทงฆ่าเมีย

อีกรายฝ่ายหญิงสวนดับ

: สดจากสนามข่าว

ผ่า2คดีสลด2ครอบครัว – เมื่อคน 2 คนตกลงร่วมใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ย่อมไม่มีใครคิดว่าความรุนแรงในครอบครัว จะนำมาซึ่งความสูญเสียจนกลายเป็นจุดจบอันน่าเศร้า

ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. พ.ต.ท.สุเวช ม่วงทอง สารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 1 ต.ชอนสารเดช อ. หนองม่วง จ.ลพบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร ร.พ.หนองม่วง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดหนองม่วง และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ. หนองม่วง

ที่เกิดเหตุพบศพ นางสมคิด พวงพิกุล อายุ 50 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่หน้า ห้องครัว มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ราวนมขวา 1 แผล เลือดไหลนองพื้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ที่เหนือศีรษะของผู้ตายพบมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ

ตรวจที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวน นางกฤษณา เชื้อคง อายุ 54 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนางสมคิดขี่รถจยย.มาหาตนและนั่งคุยกันสักครู่ จากนั้น นายวันชัย ศรีนวล อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นสามีของนางสมคิด ขี่รถจยย.มาจอดที่หน้าบ้าน แล้วเดินเข้ามาหานางสมคิด ก่อนที่จะมีปากเสียงกัน นางสมคิดได้เดินหนีไปทางครัว โดยนายวันชัยก็เดินตามไปติดๆ

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนถามว่า “หรือมึงจะเอา” พร้อมกับถกเสื้อโชว์ ซึ่งตนเห็นท่าไม่ดี คิดว่าคงมีอาวุธปืนแน่ จึงหนีไปแอบหลังบ้าน ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และได้ยินเสียงคนขี่รถจยย.ออกไป เมื่อออกมาก็พบว่านางสมคิดถูกแทงเสียชีวิตแล้ว

ตร.ลพบุรีสอบพยาน

จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์และญาติผู้เสียชีวิตทราบว่า นายวันชัยเป็นคนหึงหวงอย่างมาก ระแวงภรรยาจะ ปันใจ จนมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายวันชัยมาดำเนินคดี

ถัดมาอีกไม่กี่วันก็มีเหตุทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก แต่คราวนี้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน วันที่ 23 ธ.ค. พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ ผกก.สภ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ควบคุมตัว น.ส.อารยา บัวติก อายุ 33 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 1 ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลังก่อเหตุใช้มีดแทง นายสิงห์ขร ตะพิมพ์ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นสามีเสียชีวิต

ทำแผน

จากการสอบสวน น.ส.อารยา ให้การว่า แต่งงานอยู่กินกับ ผู้ตายมา 13 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นผู้ชายอายุ 10 ขวบ ผู้ตายชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ ระยะหลังเมื่อดื่มจนเมาก็จะหึงหวง ไม่ยอมให้ตนไปพูดคุยหรือสุงสิงกับใคร แม้แต่กับญาติพี่น้อง หากไม่เชื่อฟังผู้ตายก็จะลงไม้ลงมือทำร้าย เมื่อ 4-5 เดือนก่อน ถึงขั้นเอามีดไล่ฟันตน ซึ่งเคยเรียกญาติผู้ใหญ่มาคุยกัน ผู้ตายก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก

นาทีแทงดับ

ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำตนไปนั่งดื่มเบียร์กับญาติพี่น้องบ้านติดกัน 7 คน ส่วนผู้ตายออกไปทำธุระนอกบ้าน กลับมาบ้านเวลา 20.00 น. และเดินมาตามให้ตนกลับบ้านด้วยอาการมึนเมา ตนบอกว่าขอล้างถ้วยจานก่อน ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ ด่าทอและเดินกลับบ้าน

เมื่อเสร็จตนก็เดินกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างกันไม่เกิน 20 เมตร จากนั้นก็เข้าไปนอนข้างผู้ตาย แต่ผู้ตายได้ใช้เท้าถีบหน้าตน จึงลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์โทร.ไปฟ้องแม่ผู้ตายว่าโดนทำร้ายอีกแล้ว ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ แย่งโทรศัพท์ตนไปปาทิ้ง

ตนตกใจดิ้นรนต่อสู้ผลักผู้ตายออก แต่ ผู้ตายกลับไปคว้ามีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ที่ซ่อนข้างที่นอนออกมาขู่ ตนจึงแย่งมีดมาได้ ด้วยความโมโหจึงแทงผู้ตายด้านหลัง 1 แผล ผู้ตายล้มลงเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ตนจึงวิ่งออกไปเรียกญาติพี่น้อง นำผู้ตายส่งโรงพยาบาลหนองวัวซอแต่สุดท้ายก็เสียชีวิต ตอนนี้รู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าสามีจะตายและเป็นห่วงลูก อยากไปกราบขอขมาศพแต่คงไม่มีโอกาส

มีดที่ใช้ก่อเหตุ

ด้าน นางนริศรา นามอุตวงษ์ อายุ 52 ปี ป้าของ น.ส. อารยา เล่าว่า หลานสาวเป็นเด็กกำพร้าแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ตนจึงเลี้ยงดูหลานสาวจนแต่งงานกับผู้ตาย ซึ่งทั้ง 2 คบหากันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น จนมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ผู้ตายชอบดื่มเหล้าพอเมาก็จะออกอาการหึงหวงเมีย

แรกๆ ก็จะพูดห้ามทำให้มีปากเสียงกัน หนักเข้าถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้าย เอามีดไล่ฟัน 2-3 ครั้ง ทั้งที่หลานสาวรักผู้ตาย มากไม่เคยนอกใจแม้แต่ครั้งเดียว หลานสาวทนไม่ได้ขอแยกทางและไล่ผู้ตายกลับบ้าน จึงต้องเรียกญาติผู้ใหญ่มาพูดคุย ปัญหา สุดท้ายทั้ง 2 ก็คืนดีกัน แต่ผู้ตายยังไม่เลิกนิสัยหึงหวง และมาเกิดเหตุเศร้าสลดในครั้งนี้

ส่วน นายมโน พิมพ์ตะ อายุ 53 ปี พ่อผู้ตาย เปิดเผยว่า ลูกชายและภรรยารักกันมาก หลังฤดูทำนาก็จะมารับจ้างกรีดยางที่สวนยางของตน จะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่เคยห่างกันเลย แต่ลูกเป็นคนชอบดื่มเหล้าทุกวัน เข้าขั้นขาดไม่ได้ หากทะเลาะมีปากเสียงกัน ลูกสะใภ้ก็โทรศัพท์มาหาภรรยาตน ไม่นานก็จะคืนดีกันแต่มาคราวนี้หนักหนาจนถึงขั้นเสียชีวิต จึงรู้สึกตกใจและเสียใจมาก