ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน เซ่นปมขัดแย้งเงินกงสี

ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน – แม้นหลังถูกจับกุม จะไม่มีถ้อยคำออกจากปากของ นายภาณุ ศิริหงษ์ทอง อายุ 44 ปี พี่ชายคนโต ของตระกูลศิริหงษ์ทอง ถึงสาเหตุที่ก่อเหตุยิงน้องชายแท้ๆทั้ง 2 คนเสียชีวิต แต่คนในย่านวรจักรก็รู้กันดีว่าสาเหตุมาจากเรื่องการจัดการเรื่องธุรกิจของครอบครัวและเงินๆ ทองๆ โดยเฉพาะ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล “หงษ์ทอง อาหลั่ยยนต์” ซึ่งเป็นกิจการหลักที่สร้าง รายได้ให้กับกงสี

ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน เซ่นปมขัดแย้งเงินกงสี

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

ย้อนไปเมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 20 ธ.ค. ร.ต.อ.ขจรเดช ปทุมชาติ รอง สว.(สอบสวน) สน.สำราญราษฎร์ รับแจ้งมีเหตุยิงกัน ภายในห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล “หงษ์ทองอาหลั่ยยนต์” เลขที่ 130-132 ย่านวรจักร ถนนหลวง แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.

จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รองผบก.น.6 พ.ต.อ.สรรเสริญ ใช้สถิต รองผบก.น.6 พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน. สำราญราษฎร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชฯ ร.พ.ตร. และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน เซ่นปมขัดแย้งเงินกงสี

ส่งศพชันสูตร

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ปลูกติดกัน 2 คูหา สูง 3 ชั้น เปิดเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ หลายยี่ห้อ ที่พื้นติดโต๊ะทำงานชั้นล่าง พบศพนายณัฐชัย ศิริหงษ์ทอง อายุ 35 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ท้ายทอยกระสุนทะลุแก้มขวา

ใกล้กันพบศพนายวศณัช ศิริหงษ์ทอง อายุ 29 ปี น้องชาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีแผลถูกยิงขมับซ้ายทะลุขวา ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.จำนวน 3 ปลอก และปืนกล็อก ขนาด 9 ม.ม. ในแม็กกาซีนเหลือ กระสุน 4 นัด ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน เซ่นปมขัดแย้งเงินกงสี

นายณัฐชัย ศิริหงษ์ทอง / นายวศณัช ศิริหงษ์ทอง

ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือนายภาณุ ศิริหงษ์ทอง อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายคนโต ถูก เจ้าหน้าที่สายตรวจและพลเมืองดีควบคุมตัวเอาไว้ได้ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนพยานซึ่งเป็นคนส่งของที่ร้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนมาส่งของ ที่ร้านดังกล่าว เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเห็นพี่น้องกำลังทะเลาะกันเสียงดัง จับใจความได้ว่าเกี่ยวกับเรื่องเงิน และเห็นปืนวางไว้ที่โต๊ะ เมื่อวางบิลเสร็จจึงรีบออกมาทันที

พ.ต.อ.อิทธิพลเปิดเผยว่า นายภาณุ ผู้ก่อเหตุเป็นพี่ชายคนโต มักมีปัญหาทะเลาะกับนายณัฐชัย น้องคนที่ 3 เป็นประจำ กระทั่งวันเกิดเหตุ นายภาณุ, นายณัฐชัย และนายวศณัช น้องคนเล็กอยู่ในร้าน เกิดมีปากเสียงขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์เรื่องเงินกงสี ซึ่งทั้ง 3 คนจะดูแลร้าน ส่วนน้องคนที่ 2 เป็นหญิงแต่งงานออกไปแล้ว

ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน เซ่นปมขัดแย้งเงินกงสี

อาวุธปืนสังหาร / นายภาณุ ศิริหงษ์ทอง ถูกรวบทันควัน

ก่อนที่นายภาณุ พี่ชายจะบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนก่อเหตุ ยิงน้องชายจนเสียชีวิต 2 รายดังกล่าว ซึ่งหลังก่อเหตุเป็นจังหวะที่สายตรวจเดินเท้าสน.สำราญราษฎร์ผ่านมาประสบเหตุ จึงควบคุมตัวไว้ได้ทันท่วงที จากนั้นนำตัวมาสอบสวนที่สน.สำราญราษฎร์

ต่อมาพล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 เดินทางมาสอบปากคำแต่นายภาณุอยู่ในอาการเครียด นั่งก้มหน้านิ่งไม่ยอมให้การอะไร

พล.ต.ต.เมธีเปิดเผยว่า สาเหตุเกิดจากปัญหาในครอบครัว ขณะนี้ผู้ต้องหายังอยู่ในอาการเครียด นั่งก้มหน้า และไม่ยอมให้การใดๆ จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด และรอให้ผู้ต้องหาสงบสติอารมณ์และคลายความวิตกกังวลและความเครียดลดลงก่อน จึงจะสามารถสอบปากคำได้ สำหรับคดีดังกล่าวไม่มีความซับซ้อนเนื่องจากเป็นปัญหาภายในครอบครัว

จากการสอบถามพนักงานของร้าน ให้การว่า นายภาณุมักจะมีปัญหากับนาย ณัฐชัย น้องคนที่ 3 เวลาอยู่ในร้านจะไม่ค่อยพูดคุยกัน ยกเว้นเรื่องงานที่ทำร่วมกันเท่านั้น ซึ่งจะโต้เถียงกันและมีเรื่องผิดใจกันบ่อยครั้ง เป็นแบบนี้ตลอดที่มาทำงานหลายสิบปี ส่วนนายวศณัช น้องคนเล็ก จะพูดคุยกับนายภาณุได้ปกติ แต่จะสนิทสนมกับนายณัฐชัยมากกว่า

โดยนายภาณุและนายวศณัช จะมีหน้าที่ดูแลหน้าร้านขายอะไหล่ด้วยกัน ส่วนนายณัฐชัยจะดูแลเกี่ยวกับเรื่องประกันต่างๆ ของรถยนต์ลูกค้า ซึ่งทั้ง 3 คนไม่ได้พักอยู่ที่เกิดเหตุ ต่างคนต่างเดินทางมาจากบ้านพักของตัวเอง กระทั่งก่อนเกิดเหตุ พ่อและแม่ของทั้ง 3 คนเข้ามาดูร้านตามปกติ และออกจากร้านไปประมาณ 15 นาที ซึ่งนายภาณุทะเลาะกับนายณัฐชัย จากนั้นนายภาณุยิงปืนใส่น้องชายทั้งสองคนจนเสียชีวิต

ผ่าคดีเสี่ยวรจักรฆ่าน้อง กระหน่ำยิง 2 ศพคาร้าน เซ่นปมขัดแย้งเงินกงสี

ไม่ยอมให้การ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ก่อนนำตัวส่งฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเจ้าตัวได้ยื่นขอประกันตัว แต่ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ตามคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์มีอัตราโทษสูง และพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการปล่อยชั่วคราว หากอนุญาตเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยยกคำร้องของผู้ต้องหา

ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่สรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป

ปิดฉากความขัดแย้งระหว่างพี่น้องที่เรื้อรังมาร่วม 10 ปี ด้วยความตาย

โดย…นรินทร์ เนียมประดิษฐ์

พนม คงเจริญ

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน