ย้อนเหตุฆ่า4ศพ สลด! พ่อทุบหัวเมีย–ลูกสาว
ผูกคอดับ–หนีหนี้ท่วม : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ฆ่า4ศพสลด!ผูกคอดับ–หนีหนี้ท่วม : แม้นจะมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น แต่ปัญหามากมายที่ถาโถมเข้ามา ทำให้นายไทยสาน เลือกที่จะก่อเหตุสยองขวัญเป็นทางออกเพื่อยุติปัญหา
ย้อนไปเมื่อเวลา 07.59 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.อ.อดุล ขาวขำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุฆ่ายกครัว 4 ศพ ที่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 1 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.อ. บรรจบ ศรีหานาวี ผกก.สอบสวน ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.วัชราภรณ์ วายโศกา สว. พิสูจน์หลักฐานอุดรธานี นายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ แพทย์เวร ร.พ.เพ็ญ และอาสากู้ภัยสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน มีชาวบ้านมุงดูจำนวนมาก ใต้ต้นมะม่วงติดรั้วหน้าบ้าน พบศพนายไทยสาน ซ่อนชัย อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน ใช้เชือกไนลอน สีเขียวผูกคอกับกิ่งมะม่วง
ขณะที่ในห้องโถงชั้นล่างพบศพนางวัชราภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 50 ปี ภรรยาของนายไทยสาน ใกล้กันยังพบศพ น.ส.คชาภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 23 ปี และ น.ส.ศศิธร ซ่อนชัย อายุ 19 ปี นอนตายจมกองเลือด พบท่อนไม้ยาวประมาณ 50 ซ.ม.วางอยู่ข้างศพ และถาดใส่ดอกไม้ ธูปเทียนและขวดน้ำตั้งอยู่ปลายเท้า ทั้ง 3 ศพด้วย ทั้งนี้ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าได้ยินเสียงผัวเมียทะเลาะกันตั้งแต่ช่วงกลางคืน แต่ไม่คิดว่า จะเกิดเหตุร้ายขึ้น
จากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่พบว่าทั้ง 3 ศพ ถูกทุบด้วยของแข็งบริเวณศีรษะ ทำให้มีบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกะโหลก แพทย์ระบุทั้งหมดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 6 ช.ม. นอกจากนี้ ยังพบผ้าขาวม้าผูกกับขื่อหลังคาหน้า ห้องน้ำ ชั้นวางรองเท้ากระจัดกระจาย และพบจดหมายเขียนด้วยลายมือนายไทยสาน เขียนใส่กระดาษปฏิทินขนาดใหญ่ วางอยู่หน้าห้องน้ำ
จับใจความในจดหมายได้ว่า สาเหตุมาจากเรื่องหนี้สินที่กู้ยืมมาราว 2 ล้านบาท ทั้งจากญาติพี่น้องและไฟแนนซ์ เพื่อใช้จ่ายและส่งลูกสาวเรียนมหาวิทยาลัย เจ้าตัวระบุว่าลูกเรียนเก่ง แต่ไม่มีงานทำ หมุนอย่างไรก็ ไม่พอ เงินเดือนไม่พอรายจ่าย
ส่วนที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายน่าจะมา จากข้อความที่ระบุว่า ลูกกลับมาบ้านปีใหม่ จะกลับไปเรียน แต่เจ้าตัวไม่มีเงินให้ลูกกลับ ไปเรียน
นายบุญจันทร์ แสนเหมทอง อายุ 76 ปี พ่อตา ให้การว่า นายไทยสาน และนาง วัชราภรณ์ ลูกเขยและลูกสาว ทำงานเป็นลูกจ้างประจำอยู่ที่ศูนย์หม่อนไหมเขต 4 อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ส่วน น.ส.คชาภรณ์ เพิ่งเรียนจบคณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วน น.ส.ศศิธร กำลังเรียนชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ลูกเขยเป็นคนดี รักลูกรักเมียมาก ไม่เคยให้ลูกเมียลำบาก ส่งเสริมให้ลูกเรียนสูงๆ ซึ่งเคยยกมรดกเป็นที่นาให้ ก็นำไปขายส่งลูกเรียน และกู้เงินในระบบประมาณ 2 ล้านมาส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสองคน เคยมาบ่นให้ฟังว่า มีหนี้สินมาก เพราะส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย แต่ลูกจบมายังไม่มีงานทำ ไม่เคยคิดว่าลูกเขยจะคิดสั้นแบบนี้ ถ้ามาปรึกษาพ่อแม่และญาติพี่น้อง ก็จะช่วยเหลือกัน ปัญหาหนี้สินกับญาติๆ ก็ไม่มีใครทวง
ขณะที่ญาติสนิทระบุว่า เจ้าตัวน่าจะคิดมากไปเอง โดยเฉพาะเรื่องลูกสาวคนโตที่ว่าจบแล้วยังไม่มีงานทำ จริงๆ แล้วน้องไปสมัครและถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานหลายที่ แต่พ่อก็ไม่ให้ไปทำบอกว่าอยู่ไกลทุรกันดารไม่เหมาะกับลูก สงสารลูกเลยไม่ให้ไปทำ พอมีอีกที่เรียกไปสัมภาษณ์ ก็ตรงกับวันที่ลูกซ้อมรับปริญญาก็เลยพลาดอีก ทั้งที่เพิ่งเรียนจบก็สามารถหางานที่อื่นได้อีก แต่เขาคงไม่เข้าใจ
หลังสอบสวนพยานหลักฐานทั้งหมด ตำรวจสรุปได้ว่าเป็นการฆาตกรรมและฆ่าตัวตาย โดยหลังก่อเหตุนายไทยสานไปซื้อเหล้าขาวและธูปเทียน ที่ร้านค้าภายในหมู่บ้าน มาดื่มย้อมใจและขอขมาศพลูกเมียก่อนเขียนจดหมายลาตาย ก่อนจะผูกคอตายดังกล่าว
บรรยากาศที่วัดป่าไผ่สีทอง บ้านเชียงหวาง ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ในวันที่ 6 ม.ค. นั้นยิ่งสุดแสนเศร้า เมื่อญาติๆ เพื่อน และชาวบ้านกว่า 500 คน ร่วมพิธีฌาปนกิจทั้ง 4 ศพ โดยโลงศพ นายไทยสาน ถูกนำขึ้นไปวางบนเมรุ ส่วนศพ นางวัชราภรณ์ น.ส.คชาภรณ์ และ น.ส.ศศิธร นำมาวางบนกองไม้ หรือเรียกว่า กองฟอน ที่ห่างจากเมรุประมาณ 20 เมตร ก่อนมีพิธีเผาพร้อมกันในเวลา 14.00 น.
แม้นายไทยสาน จะเขียนจดหมายระบุเอาไว้ชัดเจนว่าสาเหตุที่ ก่อเหตุฆ่าภรรยาและลูกสาวทั้งสองคนก็เพราะอับจนปัญญากับปัญหาหนี้สิน แต่ทางญาติๆ ก็ล้วนไม่มีใครเข้าใจความคิดของเจ้าตัว ว่าทำไมต้องลงมือก่อเหตุสยองโดยเฉพาะกับลูกสาว