ย้อนนาทีตร.ล้อมข้ามคืน
เจ้าของอู่รถคลั่งยา–ยิงอริ
ผกก.เจรจาถูกส่องหวิดดับ
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ย้อนนาทีตร.ล้อมข้ามคืนเจ้าของอู่รถคลั่งยา : ฉากการบุกเข้าจับกุมคนร้าย ดวลปืนต่อสู้กันสนั่นเมือง ชนิดที่เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเหมือนในภาพยนตร์ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนอยากให้เกิดขึ้น เพราะผลที่ได้มีแต่เสียกับเสีย หากไม่ใช่ฝ่ายคนร้ายก็ตำรวจ
ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่บ้านบุปผาราม ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบ นายสุริยนต์ อาจเมือง อายุ 54 ปี เจ้าของโรงงานทำธูปเทียน ถูกยิงเข้าที่แก้มขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่
ส่วนคนร้ายคือ นายเกรียงไกร สุกันทา อายุ 49 ปี หลังก่อเหตุได้เข้าไปหลบซ่อนพร้อมอาวุธปืนอยู่ภายในบ้านพักของ ตัวเอง ที่เป็นอู่ซ่อมรถอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร และขู่จะทำร้ายตัวเอง รวมทั้งจะยิงทุกคนที่พยายามจะเข้าไป
พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.บัญชา อินถา ผกก.สภ.สารภี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย วางกำลังปิดล้อม และพยายามเจรจาให้นายเกรียงไกรยอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา นาย เกรียงไกร ซึ่งถูกจับกุมคดีเสพยาเสพติดและถูกตัดสินลงโทษให้รับการบำบัด เพิ่งพ้นโทษกลับมาที่บ้าน ได้บอกให้ภรรยาไปเอาปืนลูกซองที่เก็บอยู่ในบ้านพักออกมาเพื่อจะนำไปยิงนายสุริยนต์
เนื่องจากเคยถูกจับกุมคดีเสพยาเสพติดหลายครั้งและเชื่อว่า นายสุริยนต์ เป็นผู้แจ้งเจ้าหน้าที่ จึงเกิดความแค้น ซึ่งภรรยาได้พยายามขัดขวางทำให้ถูกทำร้ายร่างกาย
นายเกรียงไกร ได้นำปืนไปยิงนายสุริยนต์ แล้วกลับมาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน แม้ทางญาติของ นายเกรียงไกร จะช่วยเข้าไปเกลี้ยกล่อมเจรจานานหลายชั่วโมง แต่ นายเกรียงไกร ยังไม่ยอมมอบตัว ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนายที่ทำการปิดล้อมอย่างเต็มกำลัง
กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. หลังเจ้าหน้าที่ปิดล้อมนานกว่า 3 ชั่วโมง นายเกรียงไกรได้เปิดประตูบริเวณชั้น 2 ของบ้านที่หลบซ่อนออกมา
พอเห็น พ.ต.อ.บัญชา ที่พยายามจะเข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อม จึงใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ แต่โชคดีที่กระสุนเฉี่ยวใบหน้าและศีรษะไปเท่านั้น จึงไม่ได้รับอันตราย จากนั้นเจ้าหน้าที่เปิดฉากยิงสวนกลับไปบ้าง นายเกรียงไกรจึงรีบกลับเข้าไปหลบซ่อนตัวในบ้านเช่นเดิม
แม้จะเกิดการยิงต่อสู้กันยกนึงแล้ว ด้วย ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียทั้งฝ่ายตำรวจและผู้ต้องหา ผู้บังคับบัญชาจึงไม่สั่งการให้บุกจู่โจม และให้ปิดล้อมเอาไว้เพื่อรอเวลาให้นายเกรียงไกรสงบลงก่อน
สองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่ทั้งคืน ในที่สุดเวลา 06.30 น. วันที่ 16 ม.ค. ผกก.สภ. สารภี ปรับกลยุทธ์ใหม่วางแผนให้นางเยาวเรศ ภรรยาของนายเกรียงไกร ที่เดินทางมาจาก อ.แม่อาย เข้าไปเกลี้ยกล่อมให้นายเกรียงไกรมอบตัว โดยมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัด พร้อมอาวุธครบมือคุ้มกันไว้เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่านายเกรียงไกรจะยิงใส่
คราวนี้ผิดคาดเมื่อนางเยาวเรศร้องเรียกให้มอบตัว ปรากฏว่านายเกรียงไกรเดินลงมาจากบันไดบ้าน พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นและยอมให้จับกุมตัวแต่โดยดี พร้อมกับบอกที่ซ่อนอาวุธปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยึดได้ปืน 2 กระบอก เป็นปืนขนาด .38 และปืนลูกซองพกสั้น พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ก่อนจะทำการควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับประวัติของนายเกรียงไกรมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาบ้า เคยถูกจับกุมในข้อหาเสพ และเข้าทำการบำบัด 2 ครั้ง ส่วนอาวุธปืน 2 กระบอก เป็นอาวุธปืนมีทะเบียนที่ได้รับมรดกตกทอดมาจาก สมัยปู่ มีกระบอกหนึ่งถูกตำรวจสภ.สารภี ยึดไปจากนายเอก ซึ่งเป็นเพื่อนที่นำไป ฝากไว้
ต่อมานายเกรียงไกรได้ขอให้นางเยาวเรศไปติดตามเอาปืนที่ตำรวจยึดไป แต่นางเยาวเรศไม่ยอมไป โดยพูดว่า ไม่ใช่ขอกลับคืนมาได้ง่ายๆ จึงเกิดทะเลาะกัน นายเกรียงไกรได้ตบหน้านางเยาวเรศพร้อมกับไล่ออกจากบ้านไป
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้านนายเกรียงไกร ยอมรับว่าเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป และขอโทษต่อผู้บาดเจ็บด้วย โดยตนเองนั้นหลังจากที่รับการบำบัดมาแล้วก็เป็นโรคหวาดระแวง ใครขับรถมาใกล้บ้านก็กลัวว่าจะมาทำร้ายจึงหันมาเสพยาบ้าอีกรอบ
จนเมื่อวานก่อนเกิดเหตุก็เสพยาบ้า 1 เม็ด โดยซื้อมาจากพ่อค้ายาในหมู่บ้านเม็ดละ 100 บาท พอเสพไปแล้วก็เกิดหลอนทะเลาะกับภรรยา และตนก็แค้นเพื่อนบ้านมากเพราะก่อนที่ตนจะถูกตำรวจจับหลายครั้งในข้อหาเสพยา ทุกครั้งตำรวจจะแวะที่บ้านเพื่อนบ้านก่อน และค่อยมาจับตนเอง ตนจึงเชื่อว่าเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นคนแจ้งเบาะแสให้มาจับ จึงก่อเหตุขึ้น
กฤษณะ เชิญธงไชย
เรื่อง/ภาพ