ผ่าความจริงอุบัติเหตุสลด หนุ่มอ้างดช.แย่งพวงมาลัย แม่แฉมั่งลูกหลับอยู่กับอก : สดจากสนามข่าว

อุบัติเหตุทางรถยนต์นำมาซึ่งความสูญเสีย ทั้งทรัพย์สินและชีวิต สาเหตุหลักย่อมหนีไม่พ้นความประมาทของผู้ขับขี่ แต่คนเรานั้นยากจะยอมรับความผิดพลาดของตน จึงพยายามหาข้ออ้างต่างๆ นานามาเพื่อ ให้ดูว่าไม่ใช่ความผิดของตน หรือหากจะผิดก็ผิดเพียงครึ่ง

เช่นอุบัติเหตุสยองที่คร่าชีวิตหนูน้อย วัยเพียงแค่ 4 ขวบไปก่อนวัยอันควร ที่ตอนแรกน่าจะใช้เป็นบทเรียนให้กับโชเฟอร์ทั้งหลาย ได้พึงระวังเมื่อมีเด็กเล็กนั่งอยู่ในรถ แต่แล้วเรื่องราวจากปากของแม่เด็กก็ทำให้เรื่องราวกลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไปสิ้น

สดจากสนามข่าว

ศพหนูน้อย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 16 ก.พ. พ.ต.ท.ราชันย์ เพชรรุจิ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักขึ้นเกาะกลาง ไปชนกับเสาไฟฟ้าส่องทาง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในหลายราย เหตุเกิดบริเวณถนนสายอยุธยา-อ่างทอง ขาเข้าเมือง หน้าบริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) หมู่ 2 ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ร.พ.อ่างทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ-950 อ่างทอง สภาพด้านหน้ารถและด้านข้างซ้ายพังยับเยิน ล้อแม็กซ์ด้านซ้าย แตกอยู่กลางถนน ข้างรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กชายอายุ 4 ขวบ สภาพศีรษะและ ลำตัวพาดอยู่ที่ประตูรถด้านคนนั่ง ส่วนอีกครึ่งตัวอยู่ในรถ อาการสาหัส มีเลือดไหลออกมามาก ไม่รู้สึกตัว มีขวดนมและกล่องนมตกอยู่ใกล้กัน เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เร่งช่วยเหลือ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลอ่างทองอย่างเร่งด่วน

สดจากสนามข่าว

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

ภายในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือนำตัวออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนนำส่งโรงพยาบาลอ่างทอง ทราบชื่อคือ นายปริวัตร์ อนุสุวรรณ์ อายุ 26 ปี มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ รู้สึกตัวดี และ น.ส.ฐิตาภรณ์ อนุสิ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นภรรยา มีอาการแน่นหน้าอก

จากการสอบสวนนายปริวัตร์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้มีปากเสียงกับภรรยา หลังจากเดินทางไปทำบุญและกำลังจะไปส่งที่บ้าน ระหว่างที่ขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุตนได้ขับรถโดยใช้มือเพียงข้างเดียว จู่ๆ ลูกชายของภรรยาเอื้อมมือมาดึงพวงมาลัยรถทำให้รถเสียหลักจนส่ายไปมา ก่อนที่จะเสยเข้ากับเกาะกลางถนนไปชนกับเสาไฟฟ้าส่องทางอย่างแรง

ด้วยอาการของเด็กชายวัย 4 ขวบนั้นสาหัสหนัก วันรุ่งขึ้นหนูน้อยก็เสียชีวิตจากอาการเลือดคั่งในสมอง

สดจากสนามข่าว

สภาพรถเก๋ง

ด้าน นายโอภาศ อนุสิ อายุ 30 ปี น้องชาย ของผู้ได้รับบาดเจ็บและเป็นน้าของหนูน้อย เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่น่าสลดไปมากกว่านั้นคือ หลานชายของตนยังป่วยเป็นโรคผนังกั้นหัวใจรั่วมาตั้งแต่เกิด ต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลในกทม.ทุกๆ 3 เดือน ส่วน นายปริวัตร์ ตนและครอบครัวไม่เคยรู้จักและเห็นหน้ามาก่อน แต่ทราบว่าคบหาดูใจอยู่กับพี่สาวเพียงไม่นาน ซึ่งพี่สาวเคยเล่าให้ฟังว่ามีปากเสียงทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง และเป็นคนนิสัยใจร้อนโมโหร้าย

นายโอภาศยังเปิดเผยอาการของพี่สาวในตอนนี้ว่าซี่โครงหักทิ่มปอดและมีเลือดออกในสมอง ต้องเข้าห้องผ่าตัดและเข้าพักรักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนัก โดยตนและครอบครัวอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนอย่างละเอียด ถึงสาเหตุที่แน่ชัดจากการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

สดจากสนามข่าว

น.ส.ฐิตาภรณ์ อนุสิ ยังสาหัส

และแล้วเรื่องราวอีกด้านที่ไม่ต่างกับหนังคนละม้วนก็เปิดเผยขึ้น โดยในวันที่ 18 ก.พ. น.ส.ฐิตาภรณ์เปิดเผยภายหลังจากเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บซี่โครงทิ่มปอด และนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอ่างทอง จนอาการเริ่มดีขึ้นว่า เมื่อช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ นายปริวัตร์ แฟนหนุ่มได้เดินทางมารับตนกับลูกไปทำบุญที่วัดต้นสน และได้แวะกินข้าวในตัวเมืองอ่างทอง

จากนั้นแฟนหนุ่มได้พาตนและลูกชายไปไหว้ที่ศาลหลักเมือง แต่แฟนไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตนบอกให้ไหว้ก็ไม่ยอมไหว้ แต่สุดท้ายพอตนคะยั้นคะยอหนักขึ้นก็ไหว้อย่างเสียมิได้ ซ้ำยังเอาธูปมาถูที่พื้นของศาลหลักเมือง จากนั้นได้พูดท้าทายว่า ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงและมีตัวตนก็ให้ออกมาปรากฏตัวให้เห็น หลังไหว้เสร็จได้บอกว่าอยากอยู่ด้วยกันอีกสักพัก และจะพาไปเดินเที่ยวตลาดนัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ตนไม่อยากไปด้วยแล้ว

น.ส.ฐิตาภรณ์กล่าวต่อว่า เมื่อถึงตลาดนัดด้วยความอยากกลับบ้านและไม่พอใจ จึงไม่ยอมลงและไม่ยอมคุยด้วย นายปริวัตร์จึงพาเดินทางกลับแต่ได้ขับรถยนต์เลยบ้านพัก และขับด้วยความประมาทขับส่ายไปส่ายมาให้ตนเองเกิดความกลัว ถึงที่เกิดเหตุมีรถบรรทุกจอดอยู่ทางซ้าย จึงหักหลบจนเสียหลักไปเสยเกาะกลางและชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จนตนกระเด็นออกมานอกรถและลูกชายร่างพาดอยู่ที่ประตู

“ดิฉันยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ดึงพวงมาลัย ซึ่งลูกชายนอนหลับอยู่กับอกตลอด แต่ที่ฝ่ายชายพูดอาจจะเกิดความกลัว โดยปกติที่คบกันมากว่า 6 เดือนฝ่ายชายเป็นคนนิสัยดี แต่เวลาทะเลาะกันก็จะขับรถเร็วและประมาท เพื่อให้ตนกลัวและยอมพูดด้วย ซึ่งเคยเตือนสติอยู่หลายครั้ง” น.ส.ฐิตาภรณ์กล่าว

คดีนี้ตำรวจยังรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้น จากนั้นจะสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนจะเกิดจากเด็กดึงพวงมาลัยตามที่นายปริวัตร์ให้ข้อมูลไว้แต่แรก หรือเป็นตามที่น.ส.ฐิตาภรณ์ แม่เด็กเปิดเผยข้อมูลมาก็จะได้รู้กัน

แม้เหรียญจะมีสองด้าน แต่ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียวเสมอ

โดย กนกศักดิ์ แสงตระการ/เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน