คดี‘พตท.บรรยิน’ลามสอบ‘พี่-เมีย-ลูกชาย’แฉพยานให้การมัดแก๊งอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา

คอลัมน์ : แฟ้มคดี

คดี‘พตท.บรรยิน’ลามสอบ‘พี่-เมีย-ลูกชาย’แฉพยานให้การมัดแก๊งอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา – คดียังคงคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีการอุ้มฆ่าพี่ชาย ผู้พิพากษา เพื่อหวังกดดันให้ยกฟ้องในคดีที่กำลังพิจารณา

ซึ่งหัวโจกของแก๊งอุ้มฆ่าครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นคนดังอย่างพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ และส.ส.นครสวรรค์หลายสมัย

คดี‘พตท.บรรยิน’ลามสอบ‘พี่-เมีย-ลูกชาย’แฉพยานให้การมัดแก๊งอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา

เก็บหลักฐาน

 

ที่มีชีวิตโลดโผนตั้งแต่ไปมีส่วนร่วมในความตายของเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง จนถูกฟ้องคดีฆาตกรรม จนเข้าไปพัวพันกับการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ของเสี่ยชูวงษ์ให้กับพริตตี้สาว 2 คน

ล่าสุดอุกอาจถึงขั้น นำกลุ่มชายฉกรรจ์ไปดักอุ้มพี่ชาย ผู้พิพากษาจากหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อนำตัวไปข่มขู่ให้ยกฟ้องในคดีโอนหุ้น

ก่อนสังหารโหดเอาศพไปเผาป่นทิ้งน้ำหวังทำลายหลักฐาน

แต่แล้วก็ไม่เป็นดังหวัง เมื่อทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจยุคบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างรวดเร็ว

บุกจับทีมอุ้มได้ยกแก๊ง พร้อมขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องหรือสมรู้ร่วมคิด

ขณะที่คดีอุ้มพี่ชายผู้พิพากษา ถูกเข้าสู่กระบวนการไต่สวน

รอบทสรุปของความยุติธรรม

ไต่สวนพยานคดีอุ้มฆ่า

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตนักการเมืองคนดัง พร้อมพวกรวม 6 คน ในความผิดฐานอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชายน.ส.พนิดา ศกุนตประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อข่มขู่ให้พิพากษายกฟ้องในคดีโอนหุ้น 300 ล้านบาทของ เสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ให้กับพริตตี้สาว เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา

คดี‘พตท.บรรยิน’ลามสอบ‘พี่-เมีย-ลูกชาย’แฉพยานให้การมัดแก๊งอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา

เจอกระดูกเพิ่ม

 

จนกระทั่งวันที่ 25 ก.พ. ตำรวจส่งตัวทั้งหมดฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง เนื่องจากมีความผิดฐานร่วมข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย รวมอยู่ด้วย

โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวพร้อมส่งทั้งหมดเข้าคุมขังที่เรือนจำ

ส่งผลให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวพ.ต.ท.บรรยิน ในคดีโอนหุ้นของเสี่ยชูวงษ์ไปก่อนหน้านี้ มีคำสั่งเห็นว่าพ.ต.ท.บรรยินมีพฤติการณ์ก่อให้เกิดอันตราย หรือข่มขู่ผู้อื่น จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว และออกหมายขัง

ต่อมาวันที่ 26 ก.พ. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้า โดยเบิกตัวพ.ต.ท. บรรยิน นายมานัส ทับนิล อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กูล 31 ปี นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ผู้ต้องหา 1-6 มาจากเรือนจำ โดยใช้ระบบไต่สวน

สำหรับสาเหตุที่ต้องสืบพยานล่วงหน้า เนื่องจากอัยการระบุว่าพยานเป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ลำบากในการติดตามตัว อีกทั้งยังเป็นผู้ใกล้ชิดผู้ต้องหา จึงต้องสืบพยานล่วงหน้าด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไม่ให้พบหน้าผู้ต้องหาทั้งหก

ทั้งนี้อัยการนำพยานเบิกความ ประกอบด้วยชายชาวพม่า อายุ 29 ปี ที่เป็นลูกเขยของนายณรงค์ศักดิ์ ที่ให้การว่าถูกนายณรงค์ศักดิ์ สั่งให้ไปซื้อน้ำมัน 20 ลิตร เมื่อวันที่ 2 ก.พ. โดยขี่จยย.ไปซื้อที่ปั๊มปตท.ใกล้บ้านพักที่จ.นครสวรรค์

ขณะที่พยานอีก 2 ปากเป็นสามีภรรยาชาวพม่า ที่เป็นผู้ไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ หมายเลข 08-0270-9516 จากร้านสะดวกซื้อ ให้กับภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน

พยานปากที่ 4 เป็นหญิงชาวไทย ที่เป็นพนักงานบริษัทก่อสร้างของภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน ที่ระบุว่าเป็นผู้ลงทะเบียนเปิดใช้โทรศัพท์หมายเลข XXX-XXX-3939 โดยเปิดใช้ตามคำสั่งของ เจ้านาย ไม่ได้ตั้งคำถามใดๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ทั้งรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ และรถสปอร์ตไรเดอร์ ว่าเป็นของภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน

ด้านทนายจำเลยพยายามระบุว่าซิมโทรศัพท์ดังกล่าวใช้ในกิจการเกมพนันออนไลน์และหวยใต้ดิน

เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในสำนวน

เปลี่ยนผู้พิพากษาคดีหุ้น

ขณะที่คดีโอนหุ้นของเสี่ยชูวงษ์ ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค.นั้น นายสราวุธ เบญจกุล เลขาฯสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า รับเเจ้งจากน.ส.พนิดา ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น 300 ล้านของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่มีพ.ต.ท.บรรยิน กับพวกเป็นจำเลย แล้วเกิดคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเพื่อข่มขู่ทางคดีให้ยกฟ้องนั้น

น.ส.พนิดา แจ้งว่านายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ มี คำสั่งเรียกสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ ที่มีน.ส.พนิดาเป็นเจ้าของสำนวนกลับคืนแล้ว แล้วโดยจะมีการมอบสำนวนคดี ดังกล่าวให้ผู้พิพากษาคนอื่นเป็นผู้ทำคำพิพากษาแทนตามระเบียบเเละกฎหมาย

คดี‘พตท.บรรยิน’ลามสอบ‘พี่-เมีย-ลูกชาย’แฉพยานให้การมัดแก๊งอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา

งมถุงสำคัญ

 

โดยเหตุผลการเรียกคืนสำนวน เนื่องจากเหตุดังกล่าวเป็นเรื่องกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมของศาล เกรงว่าคนภายนอกจะเข้าใจผิดในการทำงานของศาล ที่ผ่านมาก็มีสื่อมวลชนโทรศัพท์มาขอสัมภาษณ์น.ส.พนิดาเรื่องการทำคำพิพากษาเป็นจำนวนมาก

จึงประสานมายังตนเพื่อช่วยสื่อสารต่อให้เข้าใจว่า การทำงานของผู้พิพากษาต้องมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ในเรื่องการพิจารณาพิพากษาคดีผู้พิพากษาไม่สามารถให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนได้ตามระเบียบ

โดยคำสั่งโอนคดีดังกล่าวเป็นไปตาม พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 33 วรรคหนึ่ง หมวด 4

ส่วนคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ ในศาลอาญาพระโขนงนั้น ศาลกำหนดพิจารณาคดีสืบพยานโจทก์ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. จนสิ้นสุดนัดสุดท้ายในวันที่ 24 ก.ย.

ทั้งนี้ นายเชวง ชูศิริ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาพระโขนง ได้จ่ายสำนวนให้องค์คณะไปแล้ว และประชุมเตรียมการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในอาคารและรอบบริเวณศาลอย่างสูงสุด

เป็นคดีความที่รอการพิจารณา

สอบ‘พี่-เมีย-ลูก’บรรยิน

สำหรับการสืบสวนสอบสวนเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาก็ยังดำเนินต่อ โดยเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 26 ก.พ. ตำรวจกองปราบปราม นำหมายค้นบุกตรวจฟาร์มไก่ธงชัย หมู่ 4 บ้านวัดดอน ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ของด.ต.ธงชัย หรือส.จ.อ๊อด พร้อมยึดปิกอัพวีโก้ 4 ประตู ที่บรรทุกรถจักร ยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 1 คัน ไปตรวจสอบ

พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ยังระดมกำลังค้นหาซากกระดูกของนายวีรชัย บริเวณใต้สะพานตะเคียนเลื่อน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้กระดูก 7 ชิ้น นำส่งตรวจสอบดีเอ็นเอไปแล้ว

โดยเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องโซนาร์ขยายพื้นที่การตรวจค้นระยะกว่า 400 เมตร จากจุดเริ่มต้น แล้วใช้เรือยางติดตะแกรงคล้ายอวน เพื่อหาถุงปุ๋ยสีแดง ที่ผู้ต้องหาให้การว่าใส่เศษกระดูกของนายวีรชัย หลังจากใช้เวลาค้นหานาน 6 วัน ก็พบถุงดังกล่าวเก็บไว้เป็น หลักฐาน

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผลการตรวจดีเอ็นเอของกระดูกที่พบก่อนหน้านี้ทั้ง 7 ชิ้น ตรงกันกับดีเอ็นเอของนายวีรชัย เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่านายวีรชัยเสียชีวิตแล้ว และมีกลุ่มผู้ต้องหาเป็น ผู้ลงมือ

ส่วนการค้นหาทรัพย์สินของผู้ตายที่ถูกทิ้งไว้ในแม่น้ำปิง ที่หน้าวัดไทรใต้ เขตเทศบาลนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ค้นพบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เป็นของผู้ตายและของคนร้าย นอกจากนี้ยังพบป้ายทะเบียน ที่กลุ่มคนร้ายใช้สวมสับเปลี่ยนกับทะเบียน ขณะก่อเหตุอุ้มฆ่า จำนวน 7 แผ่นป้าย เป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ 1 แผ่น คือ ลจข 597 กทม.

แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ อีก 6 แผ่นป้าย ประกอบด้วย ป้ายดำ 3 กว 7719 กทม. 2 แผ่นป้ายเขียว บบ 3948 นครสวรรค์ 2 แผ่นป้ายแดง ษ 7434 กทม. อีก 2 แผ่นป้าย ซึ่งในส่วนของแผ่นทะเบียนป้ายแดง 1 แผ่น พบว่ามีรอยถูกเจาะอยู่ที่กลางแผ่นจนเป็นรู และโค้งงอ ได้รับความเสียหาย

ขณะที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ได้ประสานออกหมายเรียก ร.อ.จักรวาล ตั้งภากรณ์ พี่ชายของพ.ต.ท.บรรยิน เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องที่ไปที่มาของรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ คันที่ พ.ต.ท. บรรยินนำมาใช้ก่อเหตุ เนื่องจากพบว่าร.อ.จักรวาล เป็นผู้ไปขอยืมรถคันดังกล่าวมาจากพ.ต.ท.ประเสริฐ ผลประสาร นายตำรวจที่ จ.พิจิตร ก่อนพ.ต.ท.บรรยิน นำมาใช้งาน

นอกจากนี้ยังเตรียมออกหมายเรียกนางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน เนื่องจากพยานอ้างว่าเป็นผู้สั่งให้ไปซื้อซิมโทรศัพท์ที่แก๊งอุ้มนำไปใช้ รวมทั้งนายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ลูกชายของพ.ต.ท.บรรยิน เนื่องจากพบว่ามักเดินทางมาที่บ้านพักย่านรัชดาฯ ที่เป็นจุดวางแผนอุ้ม และยังเป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้า

ลามถึงครอบครัวอย่างช่วยไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน