เปิดชนวนฆ่า‘ผู้กองโย’
แช็ตลวงยิงคาสนามกีฬา
เสี่ยหนุ่มมอบตัว-รับสิ้น
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
“มันจีบเมียผม มัน…เมียผม เดี๋ยวผมจะไปมอบตัว” เสียงตะโกนออกมาจากรถนิสสันจู๊ค สีส้ม ทะเบียน กต 8759 ตรัง ภายหลังคนขับรถก่อเหตุฆ่า ร.ต.อ.สมพงษ์ สุดฉิม หรือ “ผู้กองโย”
ย้อนไปเมื่อเย็นวันที่ 15 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งคนร้ายยบุกใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.อ.สมพงษ์ สุดฉิม อายุ 35 ปี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ห้วยยอด ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะวิ่งออกกำลังกายที่สนามกีฬาเทศบาลห้วยยอดควนหนังขำ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจและฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือด ส่วนร.ต.อ.สมพงษ์ เพื่อนๆ ตำรวจนำตัวส่งร.พ.ห้วยยอดไปก่อนแล้ว มีบาดแผลกระสุนปืนยิงเข้าศีรษะ 2 นัด ส่วนมือปืนหลังก่อเหตุขับรถนิสสันจู๊ค สีส้ม หลบหนีไป
รถนิสสันจู๊คคนร้าย
พยานให้การว่า ขณะร.ต.อ.สมพงษ์กำลังวิ่งออกกำลังกายพร้อมเพื่อนตำรวจอยู่นั้น คนร้ายได้เข้าประชิดตัวแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะล้มคว่ำ ก่อนจ่อยิงซ้ำอีกนัด ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนตำรวจและชาวบ้านที่มาออกกำลังกาย
ส่วนบรรยากาศที่ร.พ.ห้วยยอด เป็นไปด้วยความโศกเศร้า หลังครอบครัว ญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนข้าราชการตำรวจจำนวนมาก เดินทางไปติดตามอาการบาดเจ็บ โดยแพทย์และพยาบาลได้รีบนำตัวร.ต.อ.สมพงษ์เข้าห้องไอซียูรีบช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ แต่อาการสาหัสเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากกระสุนถูกจุดสำคัญ
นาทีลั่นไก
วันรุ่งขึ้นพล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.ตรัง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา นายอรุณ โพธิ์ถาวร อายุ 30 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจรถบรรทุกรับจ้างขนส่ง อยู่บ้านเลขที่ 220 ม.2 ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่โรงพักห้วยยอด พร้อมกับอาวุธปืนขนาด .38 และรถเก๋งคันที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
เบื้องต้น คาดเป็นเรื่องเข้าใจผิด คนร้ายอาจจะมีอารมณ์หึงหวง ซึ่งทาง ร.ต.อ.สมพงษ์เป็นคนที่ตั้งใจขยันทำงาน ทำให้รู้สึกเสียดายที่วงการตำรวจต้องเสียบุคลากรที่ดี อย่างไรก็ตามเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่แนวทางการสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 15 มี.ค. น.ส.นัท (นามสมมติ) ซึ่งเป็นภรรยาของ นายอรุณ มือปืนเดินทางด้วยรถยนต์นิสสันคันดังกล่าว ไปพบ ร.ต.อ.สมพงษ์ สุดฉิม (ผู้ตาย) ที่ สภ.ห้วยยอด เพื่อที่พูดคุยในเรื่องคดีที่เจ้าตัวถูกฉ้อโกงแชร์ หลังจากเสร็จสิ้น น.ส.นัท (นามสมมติ) จึงเดินทางกลับบ้านพัก
ต่อมานายอรุณ ซึ่งหวาดระแวงว่า ผู้ตายกับภรรยาจะแอบพูดคุยกันเรื่องอื่นนอกจา เรื่องคดี จึงขอตรวจสอบดูโทรศัพท์มือถือภรรยา ปรากฏว่าไปพบแช็ตไลน์ ที่ภรรยามีการติดต่อสื่อสารกับผู้ตายในเชิงชู้สาว ทำให้เกิดอารมณ์หึงหวง โกรธแค้น เนื่องจากเคยระแคระคายมาก่อน
ที่เกิดเหตุ
ก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาแอบใช้มือถือภรรยาแช็ตไลน์หาผู้ตายเพื่อจะนัดเจอกัน โดยแอบอ้างว่าเป็นภรรยา กระทั่งผู้ตายตอบกลับมาว่ากำลังวิ่งออกกำลังกาย และเล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนตำรวจอยู่ที่สนามกีฬาฯ ระหว่างนั้นผู้ต้องหาจึงได้ขับรถคันดังกล่าวซึ่งเป็นคันเดียวกับที่ภรรยาใช้อยู่ เพื่อไปหาผู้ตาย
กระทั่งเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้แช็ตไลน์หาผู้ตายว่ามาถึงแล้ว ในลักษณะการล่อลวงว่าเป็นภรรยา กระทั่งผู้ตายได้เดินออกมาพบเนื่องจากเห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่แล้ว จึงคิดว่าเป็น น.ส.นัท (นามสมมติ) จริง แต่ปรากฏว่าคนที่ลงมาจากรถคือผู้ต้องหา
ตร.รุดดูศพ
ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้ามาพูดคุยและมีปากเสียงกันในเรื่องดังกล่าวบริเวณจุดเกิดเหตุ ทันใดนั้นผู้ต้องหาเกิดชกต่อยกับผู้ตาย ก่อนจะใช้อาวุธปืนที่พกอยู่จ่อยิงเข้าที่ศีรษะของผู้ตาย จนล้มฟุบทับรถของชาวบ้านที่จอดอยู่ ก่อนผู้ต้องหาจะยิงซ้ำเข้าที่สะบัก และขับรถหลบหนีไป
ระหว่างที่ผู้ต้องหาขับรถออกไป ได้ตะโกนบอกกับชาวบ้านที่กำลังออกกำลังกายอยู่ว่า “มันจีบเมียผม มัน…เมียผม เดี๋ยวผมจะไปมอบตัว” ซึ่งหลังจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถกลับไปบ้านพัก เพื่อนำรถไปให้ภรรยา และเดินทางเข้ามอบตัวในที่สุด โดยแช็ตไลน์ดังกล่าวได้ถูกลบไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกู้กลับมาตรวจได้
จะเป็นเรื่องจริงหรือเข้าใจผิด คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว
