ซ้ำรอยคดีโหด15ปี ‘จิตรลดา’ก่อเหตุอีก

จ้วงแทงด.ญ.ดับสลด ป่วยจิต-ส่งรักษาตัว

คอลัมน์ แฟ้มคดี

ซ้ำรอยคดีโหด15ปี ‘จิตรลดา’ก่อเหตุอีก จ้วงแทงด.ญ.ดับสลด ป่วยจิต-ส่งรักษาตัว – ตกเป็นข่าวฮือฮาอีกครั้ง สำหรับ ‘จิตรลดา’ สาวป่วยจิตที่เคยก่อเหตุสยองด้วยการบุกเข้าไปในโรงเรียน แล้วใช้มีดแทงเด็กนักเรียน 4 คนบาดเจ็บ

จิตรลดา

พร้อมอ้างว่ามีเสียงสวรรค์สั่งให้ทำ!??

สร้างความหวาดผวาให้กับครอบครัวและผู้ปกครอง จนเกิดการเรียกร้องยกระดับความปลอดภัยในโรงเรียน

ขณะที่สาวคนดังกล่าวถูกจับกุม ขึ้นศาลถูกพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ด้วยเหตุรับสารภาพ ได้รับการลดหย่อนเหลือโทษจำคุก 4 ปี

ก่อนออกมารักษาอาการป่วยที่สถานพยาบาล และกลับมาก่อเหตุอีกครั้งด้วยการใช้มีดแทงสังหารด.ญ.วัยเพียง 4 ขวบ

ยืนยันจากแพทย์ว่าเป็นอาการทางจิต

กลายเป็นคำถามจากสังคม ถึงเรื่องการคัดกรองผู้ป่วยที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะผู้ที่เคยก่อเหตุความรุนแรง

ควรมีมาตรการควบคุมดูแลอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้อีก

ช็อกมีดจ้วงด.ญ.ดับ

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 มี.ค. โดยร.ต.อ.สมคิด โพธิ์ขาว รองสว.สอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุจากโรงพยาบาลห้วยพลู ว่ามีเด็กถูกคนร้ายใช้มีดแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เดินทางตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ คือ น้องแอมป์-ด.ญ.ทิพรดา หอมสุวรรณ อายุ 4 ขวบ เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 2 วัดกลางคูเวียง อยู่บ้านเลขที่ 29/8 ม.4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อาการสาหัสไม่รู้สึกตัว

ที่ท้องมีบาดแผลถูกแทง 1 แผล แพทย์ช่วยเหลือพร้อมส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

มีดที่ใช้ก่อเหตุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่ที่ร้านขายอาหารตามสั่ง หมู่ 4 ต.วัดแค ภายในร้านที่แคร่ไม้สำหรับพักนอน พบรอยเลือดหยดเป็นทาง ใกล้กันพบมีดปอกผลไม้เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 เล่ม ผู้ก่อเหตุเป็นหญิงวัย 50 ปีที่มีบ้านพักอยู่บริเวณดังกล่าว หลังก่อเหตุเดินหลบหนีหายไป

ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุด.ญ.ทิพรดา นอนเล่นอยู่ที่แคร่ไม้ โดยที่ป้า และพ่อแม่ ขายข้าวอยู่หน้าร้าน เนื่องจากไม่ได้เปิดให้ลูกค้าเข้ามานั่งในร้าน ตามมาตรการควบคุมป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19

ต่อมาขณะที่ผู้ปกครองของด.ญ.ทิพรดา เดินเข้ามาในร้านเห็นเด็กน้อยนอนดิ้นทุรนอยู่บนแคร่ ที่ท้องมีเลือดไหลนอง จึงพยายามสอดส่ายหาคนร้ายก็เห็นหลังหญิงวัย 50 ปี เดินผ่านไปเร็วๆ แต่ด้วยเรื่องสำคัญกว่าคือพาเด็กน้อยส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงยังไม่ได้ติดตามจับหญิงต้องสงสัย

จากนั้นไม่นาน ก็ได้รับแจ้งจากสภ.นครชัยศรี ว่ามีหญิงต้องสงสัย เดินเข้ามาที่สภ.ในลักษณะเหม่อลอย ไร้ความรู้สึก ล้มตัวลงนอนกับพื้นของโรงพักแล้วกล่าวอ้างว่าได้ลงมือแทงเด็กหญิงไปก่อนหน้านี้

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวสอบสวน ก่อนจะพบว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นคนร้ายที่แทงด.ญ.จนถึงแก่ความตายจริง!??

และเมื่อสอบสวนไปก็พบกับความจริงที่น่าตระหนก เนื่องจากหญิงคนดังกล่าวก็คือ ‘จิตรลดา’ หญิงสาวที่เคยบุกโรงเรียนดังกลางกรุงแล้วใช้มีดแทงเด็กนักเรียนบาดเจ็บถึง 4 ราย

ขณะที่ครอบครัวเหยื่อร่ำไห้น้ำตาเป็นสายเลือด เข้ารับศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดกลางคูเวียง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ร่วมกับจุดเทียนวันเกิดให้กับน้องแอมป์ ที่อายุจะครบ 5 ขวบในวันที่ 30 มี.ค. ด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด

เป็นความสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ฝีมือจิตรลดา-สาวป่วยจิต

ขณะที่น.ส.จิตรลดา (ขอสงวนนามสกุล) ถูกควบคุมตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนครปฐม ด้วยอาการชักเกร็ง หายใจแรงผิดปกติ ระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้า หน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรี ก่อนจะส่งตัวไปรักษาอาการทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ พุทธมณฑล สาย 4 ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 มี.ค. โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้สอบปากคำ และยังไม่ได้ตั้งข้อหาใดๆ

เนื่องจากระบุว่าเป็นขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องเข้ารับการรักษา จนกว่าจะหาย แล้วจึงจะนำตัวเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม

ด้านนพ.ศรุตพันธ์ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า น.ส.จิตรลดา เป็นคนไข้ที่รักษากับสถาบันกัลยาณ์ฯ มาตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อคดีเมื่อปี 2548 ช่วง 10 ปีหลังสุดก็เข้าร.พ. 6 ครั้ง พออาการกำเริบก็กลับมารักษาอีก โดยครั้งสุดท้ายที่ออก จากร.พ. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. และนัดติดตามอาการวันที่ 31 มี.ค. แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วย

นพ.ศรุตพันธ์กล่าวว่า หากส่งตัวน.ส.จิตรลดา มาที่สถาบันกัลยาณ์ฯ ก็จะประเมินอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เกิดอาการกำเริบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เท่าที่ดูประวัติคร่าวๆ น.ส.จิตรลดามีอาการขึ้นๆ ลงๆ มีก้าวร้าว มีอาการสับสนก็มารักษา พออาการดีก็กลับมาอยู่บ้าน

โดยสาเหตุนั้น ถ้าเป็นคนไข้ทั่วๆไป โรคกำเริบมีหลอน มีแว่ว ระแวง กลัว อาจจะเป็นเรื่องของขาดยาก็ได้ หรือมีตัวกระตุ้นอื่น มีการใช้สารเสพติด หรือถูกหลอก หรือเป็นเรื่องที่เขาคิดของเขาเอง ถึงบอกว่าแต่ละกรณีเมื่อมีอาการกำเริบต้องมาประเมิน เพราะแต่ละครั้งอาจมีปัจจัยสาเหตุแตกต่างกันด้วย เช่น คนไข้คนเดียวกัน มาด้วยอาการเดียวกัน แต่สาเหตุอาจแตกต่างกันในแต่ละครั้งได้

อย่างไรก็ตามกรณีน.ส.จิตรลดาไม่ได้เพิ่งออกจากร.พ. เขาออกมาอย่างนี้ 10 ปี และใช้ชีวิตอย่างปกติ เมื่อมีอาการก็เข้ามา

จริงๆ ประเทศไทยมีคนไข้ ผู้ป่วยจิตเภทอยู่ 1 เปอร์เซ็นต์ หรือ 500,000-600,000 คน เขาก็อยู่อย่างนี้ แต่กรณีนี้คือก่อความรุนแรงจริงและมีประวัติอยู่ แต่ครั้งนี้เป็นอะไรก็ต้องมาดูสาเหตุกัน ต้องฝากว่าจริงๆ เราอยู่ร่วมกันได้ เขาอยู่ในสังคมได้มาเป็น 10 ปี แต่เพิ่งมาเกิดเหตุการณ์นี้

ต้องไปดูระบบติดตามว่าเกิดอะไรขึ้น

ย้อนคดีบุกทำร้ายน.ร.-15 ปีก่อน

สำหรับน.ส.จิตรลดา เคยตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2548 โดยเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 9 ก.ย. 2548 น.ส.จิตรลดา ที่ถูกระบุเป็นผู้ป่วยจิตเวช บุกเข้าไปในโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กทม.

ก่อนเดินขึ้นบนอาคารเรียนชั้น 3 ตึกเซนต์ปอล ใช้มีดไล่แทงนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 4 คน ในจำนวนนี้สาหัส 3 คน มีนักเรียนชั้น ป.6 อายุ 12 ปี จำนวน 1 คน และอีก 3 คนเป็นนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นทราบว่าหญิงคนดังกล่าวแต่งตัวคล้ายผู้ปกครองก่อนเข้ามาโรงเรียน หลังก่อเหตุได้นั่งวินจยย.หลบหนีไปลงย่านสะพานเหลือง

จากนั้นวันที่ 10 ก.ย. ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบคนร้ายรูปร่างคล้ายผู้ก่อเหตุดังกล่าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในสวนรถไฟ ย่านจตุจักร เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าคนร้ายหลบอยู่ในห้องน้ำ ทราบชื่อคือ น.ส.จิตรลดา หรือเป็ด อายุ 36 ปี (อายุในขณะนั้น) จึงนำตัวไปสอบปากคำ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

จากนั้น น.ส.จิตรลดา ก็ถูกส่งตัวให้จิตแพทย์ทดสอบสภาพจิตใจ พบว่ามีอาการทางประสาท จึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาบำบัดที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ย่านถนนพุทธมณฑลสาย 4 จนเริ่มกลับมาเป็นปกติ

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2551 ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษา น.ส.จิตรลดามีความผิดฐานพยายามฆ่า ให้จำคุก 4 กระทง กระทงละ 2 ปี รวม 8 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 4 ปี เนื่องจากรับสารภาพ ซึ่งเมื่อพ้นโทษแล้วก็ถูกส่งไปคุมตัวรักษาที่สถานบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ จนกว่าจะอยู่ร่วมในสังคมได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสังคม

เนื่องจากพบว่ามีประวัติป่วยเป็นจิตเวช ถึงขั้น ใช้มีดฟันหัวพ่อเลี้ยง บาดเจ็บเมื่อตอนอายุประมาณ 20 ปีมาแล้ว

จนมาถึงครั้งนี้กลับมาก่อเหตุอีกครั้ง และส่งผลให้เด็กหญิงวัยเพียง 4 ขวบเสียชีวิต

กลายเป็นประเด็นคำถามถึงการบริหารจัดการผู้ป่วย ที่สุ่มเสี่ยงจะก่ออันตราย ว่ามีการประเมินที่รอบด้าน เพียงใด

และมีมาตรการใดที่จะป้องกัน ไม่ใช่มาตรการ ล้อมคอก

หลีกเลี่ยงการสูญเสียที่น่าสลดเช่นนี้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน