ย้อนคดีจับแก๊งโจ๋กรุงเก่า

มั่วปาร์ตี้ยาไม่สน‘โควิด’

ศาลจำคุก4ด.-ไม่รออาญา

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีจับแก๊งโจ๋กรุงเก่ามั่วปาร์ตี้ยาไม่สน‘โควิด’ : ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มไปในทางรุนแรงขึ้นถึงขั้นรัฐบาลต้อง ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจเด็ดขาดแก่นายกรัฐมนตรีในการสั่งการตรงได้ทุกหน่วยงานราชการ พร้อมออกมาตรการมากมายเพื่อลดการแพร่ระบาด

ย้อนคดีจับแก๊งโจ๋กรุงเก่ามั่วปาร์ตี้ยาไม่สน‘โควิด’

จับคาแพตกปลา

การปิดสถานบันเทิงก็เป็นมาตรการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ เพื่อป้องกันการระบาดเป็นจำนวนมาก เช่น กรณีการแพร่เชื้อที่สนามมวยและผับทองหล่อ แต่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับกลุ่มวัยรุ่นวัยโจ๋ เพราะ พอไม่มีสถานบันเทิงให้เที่ยวดื่ม ก็รวมตัวกันจัดปาร์ตี้กันตามสถานที่ปิดไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ย้อนไปเมื่อ 22.30 น. วันที่ 30 มี.ค. นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.มนัส อัด โดดดร ผกก.สภ.ช้างใหญ่ พ.ต.ท.ธานินทร์ เกิดผล รองผกก.สส. นำกำลังเข้าตรวจสอบที่แพตกปลา ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อแพปลาสมหมาย ที่ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดเปิดเพลงเสียงดังลักษณะปาร์ตี้ ภายในแพตกปลาดังกล่าว

ย้อนคดีจับแก๊งโจ๋กรุงเก่ามั่วปาร์ตี้ยาไม่สน‘โควิด’

ปาร์ตี้ไม่สนโควิด

เมื่อไปถึง พบมีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงนั่งล้อมวง แบ่งกันเป็นกลุ่มๆ อยู่ภายในแพ นับได้จำนวน 27 ราย จึงแสดงตัวตรวจค้น พบกัญชาแห้ง 6.85 กรัม เขียงไม้ 1 อัน ยาเค บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ขนาดต่างๆ กระจายเกลื่อน บางส่วนซุกซ่อนอยู่ในชั้นในของวัยรุ่นที่เป็นหญิงสาว รวมทั้งหมด จำนวน 5 ถุง ยาอี อีกจำนวน 2 ถุง จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ตรวจหาสารเสพติด

จากการสอบสวนทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดเป็นกลุ่มวัยรุ่นในจ.พระนคร ศรีอยุธยา มาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิดของหญิงสาวรายหนึ่ง ในกลุ่มของวัยรุ่นที่ถูกจับกุม จึงดำเนินคดีในข้อหาชุมนุมทำกิจกรรม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ โดยฝ่าฝืนข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มียาเสพติดให้โดยไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

ถัดมาวันที่ 2 เม.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ศาลแขวงพระนคร ศรีอยุธยา ตัดสินคดีที่ อัยการจังหวัดคดีศาลเเขวงพระนครศรีอยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สายลม เเก้วดี กับพวกรวม 18 คน ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมตเเอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

ย้อนคดีจับแก๊งโจ๋กรุงเก่ามั่วปาร์ตี้ยาไม่สน‘โควิด’

ตร.ภูเก็ตบุกรวบ

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือได้แยกดำเนิน คดียังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมและมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดโดยฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีและ เสพยาเสพติดให้โทษโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนแยกส่งสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อพิจารณาเเยก

ศาลได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เเละ 2 ซึ่งกระทำความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ให้ลงโทษจำคุก 1 เดือนโดยไม่รอการลงโทษส่วนจำเลยที่ 3-18 กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด นอกจากความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมชุมนุมฯ ด้วยนั้นศาลให้ลงโทษจำคุกฐานเสพยาเสพติดอีก เป็นเวลา 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานมั่วสุมชุมนุมกัน ตามพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน จึง จำคุกจำเลยที่ 3-18 เป็นเวลา 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ

ย้อนคดีจับแก๊งโจ๋กรุงเก่ามั่วปาร์ตี้ยาไม่สน‘โควิด’

แถลงพร้อมของกลาง

ขณะที่เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 เม.ย. ตำรวจสภ.ป่าตอง ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ท.เอกรัตน์ พลายด้วง รอง.ผกก.ป. เข้าตรวจสอบที่ บ้านเลขที่ 39/1 ถ.สิริราชย์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต หลังรับแจ้งว่ามีการจัดปาร์ตี้มั่วสุม ฝ่าฝืนพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และประกาศจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)

จากการเข้าตรวจสอบ ผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและต่างชาติ 14 ราย พร้อมด้วยของกลางคือ สุราหลายขวด โคเคน 0.94 กรัม กัญชาแห้งอัดแท่ง 2.16 กรัม กัญชาแห้ง 1.88 กรัม จึงควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีที่ สภ.ป่าตอง

ถัดมา เมื่อ 00.10 น. วันที่ 7 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา ก็นำกำลังบุกจับกุมนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส จำนวน 9 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 5 ราย รวมตัวมั่วสุมสูบบารากู่ ฝ่าฝืนประกาศจังหวัดและพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายในวิลล่าแห่งหนึ่งใน ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.กมลา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งสามคดีเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจสังคมของกลุ่มวัยรุ่น โทษที่ได้รับจึงเป็นเหมือนคำเตือนไปยังผู้ที่ยังไม่ยอมหันมาร่วมมือต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนความคิดได้แล้ว

ณัฐวุฒิ ทิพย์ประโภชน์

อรรณพ เพ็ชรภิมล

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน