คลี่ปมผญบ.ปืนโหด

อ้างเคอร์ฟิว ยิงพระดับ

อีกคดี ป่วนสุวรรณภูมิ

ปล่อย158คน-ไม่กักตัว

คอลัมน์ แฟ้มคดี

แฟ้มคดีโควิดป่วน – ยังเป็นภาวะวิกฤต ที่เกิดจากพิษระบาดของโควิด-19

ท่ามกลางผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทุกวัน รวมกับยอดผู้เสียชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้รัฐบาลตัดสินใจยกระดับในการควบคุมสถานการณ์

นอกจากการทุ่มงบประมาณทางการแพทย์ แก้ไขปัญหาเวชภัณฑ์ขาดแคลน ให้กับบุคลากรทางการแพทย์แล้ว

มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมการเคลื่อนที่เดินทางของประชาชน เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรค ก็เป็นเรื่องสำคัญ

ดังที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถานทั่วประเทศ ตั้งแต่ 22.00-04.00 น.

รวมทั้งสั่งกักตัวประชาชนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 14 วัน ไม่อะลุ้มอล่วยให้ใครทั้งนั้น

แต่ในมาตรการที่ออกมา ก็ยังมีข้อบกพร่องผิดพลาด เหมือนกับเหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อค่ำวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา

หรือกรณีที่ผู้ใหญ่บ้านสังหารโหด 2 ศพ พระ-ลูกบ้านที่แหกเคอร์ฟิว

ล้วนเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดคำถาม ว่าเจ้าหน้าที่พร้อมในการปฏิบัติงานในภาวะวิกฤตเช่นนี้เพียงใด

สนามบินสุวรรณภูมิวุ่น

● วุ่นปล่อย 158 คนไทย-ไม่กักตัว

หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีทีท่าจะลดลง เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (ศบค.) ก็ออกมาตรการชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทยจนถึงวันที่ 15 เม.ย. เว้นแต่ผู้มีความจำเป็นและติดต่อไว้ก่อนล่วงหน้า

ตามมาด้วยคำสั่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งให้คนไทยทุกคนต้องกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดหาไว้ให้ เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

แต่คล้อยหลังเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น

เมื่อสายการบิน 5 สาย ที่เดินทางมาถึงสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 3 เม.ย. ประกอบด้วย เที่ยวบิน TG 641 จากญี่ปุ่น NH 847 จากญี่ปุ่น SQ 976 จากสิงคโปร์ คน JL31 จากญี่ปุ่น และ GR 832 จากกาตาร์ รวมทั้งหมด 158 คน

ถูกเจ้าหน้าที่สนามบินกักตัวไว้ ไม่ให้เดินทางออกมา พร้อมระบุว่าเตรียมพาไปกักตัวยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ แต่ด้วยระยะเวลากว่า 4 ชั่วโมง ที่ไม่มีผู้รับผิดชอบชัดเจน ออกมาระบุถึงมาตรการและ ขั้นตอน ทำให้ทั้ง 158 คนต้องติดค้างอยู่ที่สนามบิน

ก่อนที่จะปะทุอารมณ์ เพื่อขอคำตอบจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ

ทำให้ พล.ต.โกศล ชูใจ นายทหารสังกัดกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ประสานงานสนามบินสุวรรณภูมิ ออกมาชี้แจง และในที่สุดก็อนุญาตให้คนไทยทั้งหมดกลับบ้านไปกักตัวที่บ้าน

ส่งผลให้พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส. ในฐานะ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) มี คำสั่งเรียกพล.ต.โกศล กลับกลาโหมทันที พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนในกรณีดังกล่าว

โดยผลจากการสอบสวน พบว่าพล.ต.โกศลไม่มีอำนาจตัดสินใจ แต่เข้ามาช่วยเจรจาเพราะถือว่าอาวุโสสูง และได้รับไฟเขียวจากผู้ใหญ่ในศูนย์ให้ปล่อยตัวคนไทยกลับไปก่อน เพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะลุกลามบานปลายกลายเป็นจลาจล

ต่อมาจึงมีคำสั่งจากศปม. เรียกทั้ง 158 คนไทยกลับมารายงานตัวเพื่อกักกันตัว 14 วัน โดยตามมาได้ครบจำนวนในช่วงดึกของวันที่ 4 เม.ย.

ขณะที่รายงานข่าวระบุว่า กองทัพเรือเองไม่ได้รับการประสานว่าจะต้องดูแลคนไทยกลุ่มนี้ ทำให้ไม่สามารถจัดเตรียมพื้นที่ได้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีผู้ไม่ยอมกักตัว เพราะเจ้าหน้าที่จัดให้นอนร่วมกับคนแปลกหน้า ห้องละ 3 คน จนเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวมาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ต่อมาเมื่อประสานขอความร่วมมือจากโรงแรมเอกชน เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัว

เรื่องจึงได้คลี่คลาย

● ผญบ.ยิงดับ‘พระ-ชาวบ้าน’ตีผึ้ง

ขณะที่การใช้อำนาจตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการประกาศเคอร์ฟิว ในแต่ละวันยังมีผู้ที่ฝ่าฝืน โดยในวันที่ 8 เม.ย. ศบค.สรุปตัวเลขดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4-8 เม.ย. 1,084 คน

ชาวบ้านถูกยิง

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด หนีไม่พ้น เหตุการณ์ที่อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อกลางดึกเข้าสู่เช้าวันที่ 7 เม.ย. โดยชุดเคลื่อนที่เร็ว อ.ท่าชนะ รับแจ้งเหตุจากนายทัศน์พล ทิพย์ศักดิ์ กำนันต.สมอทอง และนายมานพ โกปิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ ที่พากำลังลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่ พบว่ามีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุจำเป็น

นายปัญญาภรณ์ วัฒนปราโมทย์ ปลัดอำเภอ พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว จึงเดินทางไปที่จุดดังกล่าว บนถนนสายเลียบเขาเพ-ลา ทางเข้าสำนักสงฆ์เพ-ลา หมู่ 9 ต.สมอทอง เมื่อเวลา 01.25 น. ของวันที่ 7 เม.ย. พบนายมานพ ผู้ใหญ่บ้าน ควบคุมตัวนายชูรัตน์ คงคล้าย และพระชลธาร ถาวโร หัวหน้าสำนักสงฆ์เขาเพ-ลา พร้อมปิกอัพ 3 คัน อุปกรณ์จับผึ้ง จึงรายงานให้นายอำเภอท่าชนะทราบทางโทรศัพท์

พระนักพัฒนา

แต่ขณะที่กำลังรายงาน เกิดเสียงปืนดังขึ้นตรงจุดที่นายมานพควบคุมผู้ต้องหาอยู่ จึงรีบวิ่งไปดู ก่อนพบว่านายชูรัตน์ และพระชลธาร ถูกนายมานพใช้ปืนลูกซองที่พกไว้ยิงเสียชีวิต จึงแจ้งนายอำเภอให้เร่งมาตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบศพพระชลธารถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ลำตัว มรณภาพที่สวนยางพาราข้างทาง ในสภาพนอนคว่ำหน้า ส่วนนาย ชูรัตน์ ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกัน นอนหงายอยู่ท้ายรถกระบะ มีมีดตกอยู่ข้างลำตัว 1 เล่ม

นอกจากนี้ยังพบปืนพกสั้นตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนนายมานพ ผู้ใหญ่บ้านที่ก่อเหตุ ระบุว่า ขณะที่ควบคุมตัวนายชูรัตน์ และพระชลธารไว้ พระชลธารชักปืนสั้นออกมาจากตัว ขณะที่นายชูรัตน์คว้ามีดออกมาเพื่อจะทำร้ายตัวเอง จึงใช้ปืนลูกซองยิงใส่ทั้งคู่ อ้างว่าเป็นการป้องกันตัว

ทั้งนี้พระชลธาร ถาวโร เป็นพระนักพัฒนา นำชาวบ้านสร้างฝายมีชีวิตหลายแห่งและปลูกป่าในพื้นที่ อ.ท่าชนะ ปี 2559 เคยได้รับรางวัลเหมราช บุคคลต้นแบบแห่งปี สาขาผู้นำด้านพิทักษ์ป่ารักษาสิ่งแวดล้อมต้นแบบ ปี 2561 ได้รับรางวัลแทนคุณแผ่นดิน 77 ต้นแบบคนดี

แต่ช่วงที่มาได้มีปัญหาขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพล และมีการขับไล่ พระชลธาร ให้ออกจากพื้นที่

สุดท้ายมามรณภาพในเงื้อมมือเจ้าหน้าที่

● เผยคุมตัวไว้ก่อนเคอร์ฟิว

สำหรับการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนำตัวนายมานพ ส่งดำเนินคดีที่สภ.ท่าชนะ พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

ขณะที่พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี มี คำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อเร่งคลี่คลายคดีข้อสงสัยและให้ความกระจ่างกับสังคม ประกอบกับเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ตลอดจนการดําเนินการตามขั้นตอนกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้านพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องตรวจสอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ หรือเป็นการป้องกันตัว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าผู้เสียชีวิตมีความขัดแย้งเรื่องที่ดินกับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจะเป็นมูลเหตุหรือไม่ต้องรอตรวจสอบ

ส่วนข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพว่าอาวุธปืนอยู่ห่างจากคนตายกว่า 10 เมตร และยังไม่ได้ขึ้นลำ ซึ่งพยานหลักฐานอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยจะมีการประชุมคอนเฟอเรนซ์สอบถามความคืบหน้า

ผญบ.ที่ก่อเหตุ

ส่วนประเด็นที่ว่าสาเหตุมาจากเคอร์ฟิว จุดนี้มีความผิดชัดเจน ในเรื่องออกจากนอกเคหสถานหลังเวลาที่กำหนด ส่วนเรื่องอาวุธปืนเป็นคนละประเด็นกัน แต่สาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากเรื่องความขัดแย้งหรือเคอร์ฟิวจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง เบื้องต้นมีการโต้เถียงในเรื่องของเคอร์ฟิวเลยมีการใช้อาวุธกัน

ยืนยันทางคดีแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น 1 คน และขยายผลผู้ที่ร่วมเกี่ยวข้องมาดำเนินคดี เชื่อมีมากกว่า 1 คน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบปืนพบว่าเป็นปืนที่ถูกจำนำไว้ แต่ก็เชื่อว่าผู้ครอบครองคนสุดท้ายคือพระชลธาร

ขณะที่รายงานจากการสืบสวนพบว่าก่อนเกิดเหตุ คณะของพระชลธาร มาตีผึ้งตั้งแต่ช่วงบ่าย พอถึงเย็นไม้ไผ่ที่ใช้ทำลูกทอยหมด จึงออกไปตัดไผ่ ก่อนเจอเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ช่วงค่ำ ซึ่งยังไม่ถึงเวลาเคอร์ฟิว

นอกจากนี้ยังพบว่ามีความขัดแย้งเรื่องรังผึ้ง ที่มีคนอยากได้ แต่จะใช้วิธีเผา ซึ่งพระชลธารไม่ยอม เพราะเกรงจะเกิดไฟไหม้ป่า แต่ยอมให้อีกกลุ่มตีผึ้ง เพราะใช้วิธีใช้ไม้ต่อขึ้นไป

ก่อนจะเกิดถกเถียงกันอย่างรุนแรง

คาดจะสรุปคดีได้เร็วๆนี้ ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่สำหรับการ เสียชีวิต 2 ศพในช่วงเคอร์ฟิว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน