ผ่าปมจับตายหนุ่มสกล

ปืนข่มขู่-ซิ่งเก๋งยิงสนั่น

แม่คาใจตร.ทำเกินเหตุ

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ผ่าปมจับตายหนุ่มสกล ปืนข่มขู่-ซิ่งเก๋งยิงสนั่น แม่คาใจตร.ทำเกินเหตุ : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว– แม้เหตุการณ์จับตาย นายจเด็ด สมสอง อายุ 28 ปี ชาว จ.สกลนคร ผ่านมาหลายวัน แต่สำหรับนางแก้วใจ ธานะขันธ์ อายุ 72 ปี แม่ของนายจเด็ดนั้นไม่ต่างกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น สดๆ ร้อนๆ ด้วยเจ้าตัวยังทำใจยอมรับไม่ได้กับการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่งคือ ยังคลางแคลงใจในสาเหตุที่ตำรวจตัดสินใจวิสามัญฆาตกรรมลูกชาย โดยเจ้าตัวบอกว่าลูกชายไม่ควรถูกตำรวจวิสามัญฯ สิ่งที่ตำรวจควรทำคือเรียกให้คนในครอบครัวไปเกลี้ยกล่อมก่อน อีกทั้งเมื่อไปดูศพลูกชายในที่เกิดเหตุพบว่าลูกนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ โดยยังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ ไม่ได้ถือปืน และมีบาดแผลถูกยิงทะลุจาก เบาะหลังเข้าบริเวณต้นคอและหลัง รวมกันถึง 6 นัด จึงเชื่อว่าขณะเกิดเหตุลูกชายไม่ได้มีเจตนาต่อสู้เจ้าหน้าที่

ตร.ตรวจรอยกระสุน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ศูนย์วิทยุ สภ.หนองหาน รับแจ้งจาก สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ให้สกัดรถเก๋ง โดยคนขับมีอาวุธปืนกำลังขับมุ่งหน้าเข้า อ.หนองหาน พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.หนองหาน สั่งการให้ ตร.ทุกหน่วยสกัดบริเวณสามแยกโรงงานน้ำตาลเริ่มอุดม ซึ่งเป็นรอยต่อ อ.หนองหาน และ อ.สว่างแดนดิน

รถยนต์คนร้าย

ต่อมาเวลา 11.30 น. คนร้ายซึ่งขับรถเก๋งโอเปิล คอร์ซ่า สีส้ม หมายเลขทะเบียน ขก 6816 อุดรธานี มาบนถนนหลวงหมายเลข 22 สกลนคร-อุดรธานี พ.ต.ต.เดชาธร เจษเจริญกุล สว.สส.สภ.สว่างแดนดิน พร้อมกำลังกว่า 10 นาย ใช้รถ 4 คันไล่ติดตามมา ก่อนมาถึงสามแยกโรงงานน้ำตาลเริ่มอุดมประมาณ 200 เมตร คนร้ายได้จอดรถข้างทาง

ตรวจอาวุธปืนตร.

ตำรวจที่ติดตามได้ตะโกนเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายมอบตัว แต่คนร้ายยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนต้องพากันหลบกระสุนกันชุลมุน ก่อนที่จะยิงสวนกลับไปกระทั่งเสียงปืนสงบ จึงเข้าไปตรวจสอบที่รถพบคนร้ายถูกวิสามัญฯ เสียชีวิตบริเวณเบาะคนขับ ทราบชื่อต่อมาคือ นายจเด็ด สมสอง อายุ 28 ปี ชาว ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ต.ท.รัฐพล เพ็ญสงคราม รอง ผกก.ป.สภ.สว่างแดนดิน เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายรายนี้อดีตเคยเป็นพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ นิสสัน สาขา อ.สว่างแดนดิน ช่วงเช้าวันนี้ได้บุกเข้าไปที่โชว์รูมพร้อมอาวุธปืน เจ้าหน้าที่ในโชว์รูมรถเห็นท่าไม่ดีได้แจ้งตำรวจ สภ.สว่างแดนดิน เข้าไประงับเหตุ

จุดเกิดเหตุ

แต่เมื่อไปถึงพบว่าคนร้ายได้ไปที่โชว์รูมโตโยต้า ตำรวจจราจรได้เข้าเจรจาให้มอบตัว แต่ นายจเด็ดได้ซิ่งรถหนีมาทาง อ.หนองหาน จึงแจ้ง สภ. หนองหาน ช่วยสกัดจับ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สว่าง แดนดิน อีกชุดประมาณ 10 นายก็ขับรถไล่ตามคนร้ายมา พอมาถึง อบต.บงใต้ รอยต่อก่อนเข้าเขต อ.หนองหาน คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแบบไม่ยั้ง แล้วซิ่งรถหนีอย่างรวดเร็ว

กระทั่งก่อนมาถึงโรงงานน้ำตาลเริ่มอุดมประมาณ 200 เมตร คนร้ายได้หยุดรถ ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นานก็ไม่เป็นผล คนร้ายยังยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่อีก จนสุดท้ายต้อง วิสามัญฯ

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วย นายประทีป อุ่ยเจริญ นายอำเภอหนองหาน อัยการจังหวัดอุดรธานี แพทย์เวร ร.พ.หนองหาน และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและชันสูตรศพ โดยคนร้ายถูกยิงหลายนัดตามลำตัว และภายในรถยังพบอาวุธปืนขนาด .380 บริเวณที่เก็บของประตูฝั่งคนขับ อาวุธปืน มีดยาวอยู่ข้างคนร้าย และยังมีแม็กกาซีนอีก 1 ชุด

อดีตเพื่อนร่วมงานเผยว่า ช่วงที่ร่วมงานกันนายจเด็ด จะมีนิสัยอารมณ์ร้อน มีโลกส่วนตัวสูง ไม่สุงสิงกับใคร ทั้งยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีอาการประสาทและเคยเข้ารับการรักษา ต้องกินยาประจำด้วย มักมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเป็นประจำ เนื่องจากเข้าใจว่าเพื่อนร่วมงานนินทา กล่าวร้ายในทางเสียหาย ทำให้ถูกตำหนิจากหัวหน้างานเป็นประจำ

หลังจากนั้นนายจเด็ดลาออกไปทำงานที่อื่น แต่ก็ยัง ไม่เคลียร์มักจะมาหาเรื่องเพื่อนร่วมงานเป็นประจำ ซึ่งแต่ละครั้งก็จะพกอาวุธ เช่น ประแจ อุปกรณ์ช่าง มาข่มขู่ สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่นายจเด็ดได้บุกมา แต่ครั้งนี้ถือปืนมาด้วย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้หลบหนี จนสุดท้ายถูกวิสามัญฯ ในส่วนที่ว่านายจเด็ดเข้ามาง้อแฟนสาวที่ทำงานอยู่ที่โชว์รูมโตโยต้านั้นไม่เป็นความจริง

พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บอกว่า เบื้องต้นตำรวจชุดที่วิสามัญฆาตกรรมนายจเด็ดมีทั้งหมด 5 นาย เป็นตำรวจของ สภ.สว่างแดนดิน ตั้งแต่ชั้นยศร้อยตำรวจ สิบตำรวจ และยศจ่า ซึ่งจากการสอบถามลูกน้องเบื้องต้นอ้างว่ายิงไปเพราะป้องกันตัว เนื่องจากผู้ตายต่อสู้ขัดขืนการจับกุม ซึ่งตำรวจทั้ง 5 นายได้ถูกตำรวจ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

ขณะที่พล.ต.ต.นิพนธ์ พาณิชเจริญ ผบก.ภ.จว.สกลนคร ยืนยันตำรวจมียุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของการปฏิบัติหน้าที่ สามารถติดตาม ข้อเท็จจริงในขั้นต่อไปได้

สุดท้ายแล้วต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล ว่าการกระทำนั้นสอดคล้องกับหลักการวิสามัญฆาตกรรมหรือไม่

มานพ สาขันธ์โคตร /นาริสา หลักทอง วัฒนชัย จำนงค์ทอง/อุดม ปิดตาทานัง

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน