ผ่าคดีฆ่าหนุ่มเบญจเพส

คนพ่อทะเลาะต่อยสู้ไม่ได้

โทร.ตามลูกมาช่วย-ยิงดับ

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ผ่าคดีฆ่าหนุ่มเบญจเพส – แน่นอนว่าหากคนเราสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าเรื่องราวจะบานปลาย ใหญ่โตถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต นายนาราม นาคราช หนุ่มใหญ่วัย 51 ปี คงเลือกที่จะ ไม่โทร.ตามเมียและลูกชายให้ออกมาช่วย ขณะที่เจ้าตัวมีเรื่องกับหนุ่มคู่กรณี

แต่เมื่อไม่สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 11 พ.ค. พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง รอง ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียวทรัพย์ ผกก.สน.หัวหมาก ร.ต.อ.หญิงศิริภรณ์ ไทยนิยม รองสารวัตร (สอบ สวน) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช ร.พ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู จึงต้องเข้าตรวจสอบเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ภายในชุมชนริมคลองหัวหมากน้อย ถนนรามคำแหง 60 แยก 3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.

ผ่าคดีฆ่าหนุ่มเบญจเพสคนพ่อทะเลาะต่อยสู้ไม่ได้โทร.ตามลูกมาช่วย-ยิงดับ

พฐ.เก็บหลักฐาน

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเดินสะพานปูนภายในชุมชน พบศพ นายเจา บุญท้วม อายุ 25 ปี สวมเสื้อสีเขียว คลุมทับด้วยเสื้อสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว ใส่รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าข้าง นอนหงายจมกองเลือด ตามร่างกายพบมีบาดแผลถูกยิงบริเวณท้ายทอย 1 นัด นอกจากนี้ยังพบยาไอซ์ 1 กรัม และยาบ้า 50 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของผู้ตาย จึงเก็บรวบรวมไว้เป็น หลักฐาน

จากการสอบสวน นายนาราม นาคราช อายุ 51 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเลิกงานแล้วไปนั่งดื่มสุรา จากนั้นกำลังเดินกลับบ้าน เมื่อเจอกับนายเจา ผู้ตาย ที่พักอยู่ในชุมชนเดียวกันพร้อมกับเพื่อนนั่งกินเหล้าอยู่บริเวณหน้าบ้าน พอเห็นตนเดินมานายเจาก็ลุกเดินตรงมาหาและถามว่า “มึงจะเอายังไง” ก่อนที่ผู้ตายจะจับตนและพยายามจะทุ่มโยนลงน้ำ ตนจึงต่อสู้ชกต่อยกัน

ตนสู้ไม่ได้เพราะเพื่อนของนายเจาลุกมาล็อกตัวตนเอาไว้ให้นายเจาเข้ามาทำร้าย ตอนนั้นตนอาศัยมือที่ว่างกดโทรศัพท์ไปหาภรรยา คือ น.ส.สายทอง สกุลนาค อายุ 49 ปี บอกให้รู้ว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาท จากนั้น ภรรยากับเพื่อนบ้านก็รีบวิ่งออกมาช่วย โดยขอร้องให้นายเจากับเพื่อนปล่อยตนแต่ก็ ไม่เป็นผล

นายนารามกล่าวต่อว่า จากนั้นนายเอ (นามสมมติ) ลูกชายวัย 17 ปี วิ่งตามออกมาดู เมื่อมาถึงลูกชายจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจากด้านหลัง แล้วหลบหนีไป ส่วนตนกับภรรยายืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

ผ่าคดีฆ่าหนุ่มเบญจเพสคนพ่อทะเลาะต่อยสู้ไม่ได้โทร.ตามลูกมาช่วย-ยิงดับ

ชาวบ้านมุงดู

นอกจากนี้มีพยานที่เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ปกตินายนาราม เป็นคนชอบดื่มสุรา พอมีอาการเมาชอบตะโกนโวยวาย และมี เรื่องทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุนายนารามได้เดินผ่านสะพานปูนท่าทางเหมือนคนเมาสุรา มาเจอกับผู้ตายพอดี มาเจอหน้ากันก็มีปากเสียงชกต่อยกันตรงนั้น แต่นายนารามมีอายุมากกว่าจึง สู้ไม่ไหว ก่อนโทร.ตามภรรยาและลูกชายมาช่วย เมื่อลูกชายมาถึงเห็นพ่อถูกทำร้ายอยู่จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายจนล้มลง ก่อนจะหลบหนีไป

สายวันรุ่งขึ้น นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุก็เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ที่ทำลงไปเพราะโมโหที่พ่อโดนทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนขนาด .38 ที่ยืมเพื่อนมายิงท้ายทอยของนายเจาจนเสียชีวิต

ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพสอบปากคำผู้ต้องหา ก่อนส่งไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” และ “มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ด้านนายนาราม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ลูกชายเห็นพ่อถูกทำร้ายร่างกายจึงต้องการเข้าไปช่วยเหลือ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับผู้เสียชีวิตมาก่อน แต่ขณะเดินมาเจอกลับถูกพูดจาท้าทายจนมีเรื่องชกต่อยกัน ก็ไม่ทราบว่าลูกมีอาวุธปืน และไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน แต่ยอมรับว่าลูกชายผิดที่อารมณ์ร้อนและทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งหลังจากลูกถูกจับกุมก็ได้เดินทางไปหาและบอกให้ลูกยอมรับผิด พร้อมเตือนสติถึงการกระทำครั้งนี้

ขณะที่พี่สะใภ้ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายเจามีอาชีพก่อสร้าง โดยปกติก็เป็นคนที่มีน้ำใจ อัธยาศัยดี แต่จะมีบางทีที่อารมณ์ร้อน แต่เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะถูกผู้ก่อเหตุพูดจาไม่ดีใส่ เลยเกิดการทะเลาะวิวาทกัน

ต้นเหตุจากอะไรไม่แน่ชัด ต่างฝ่ายต่างก็ว่ากันไป แต่สุดท้ายแล้วย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน