เกาะตร.รถไฟจับยา10ล. สบช่อง-ผ่อนปรนโควิด หนุ่มขนไอซ์ล่องส่งใต้ : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
เกาะตร.รถไฟจับยา10ล. หนุ่มขนไอซ์ล่องส่งใต้ : สดจากสนามข่าว – ผ่อนคลายปุ๊บ โผล่ปั๊บ ขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด ที่เงียบหายไปช่วงเฝ้าระวังเข้มงวดจากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสมรณะ โคโรนา 2019 หรือโควิด-19
เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ที่เริ่มเปิดเดินขบวนรถไฟโดยสารอีกครั้ง แก๊งอุบาทว์ ก็ฉวยโอกาสใช้เป็นช่องทางลำเลียงส่งของไปให้ลูกค้าทันที
- พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธุ์ ผบก.รฟ. สอบปากคำ
แต่ยุทธจักรโล่เขนที่อยู่ใต้การกำกับของ ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่กำชับให้กำลังพล เฝ้าระวังป้องกันอาชญากรรมทุกรูปแบบโดยห้ามหย่อนยาน ส่งผลให้การลำเลียงยาเสพติดล็อตนี้หลบไม่พ้นสายตาที่คมกริบปานเหยี่ยวของตำรวจรถไฟไปได้
วันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธุ์ ผบก.รฟ. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง ผกก.3 บก.รฟ. ตั้งโต๊ะแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดที่บังอาจใช้ระบบขนส่งทางรางมาอำนวยความสะดวกต่อการทำผิด ที่หน้าสถานีรถไฟที่จัดว่าเป็นหนึ่งในสถานีที่สวยที่สุดของประเทศอย่างสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
- ของกลาง
ผู้ต้องหาเป็น 2 หนุ่มสาวชื่อนายเอกพงษ์ หรือกี้ แก้วสา อายุ 22 ปี ชาวเขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ และน้องเมย์ (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 23 ปี ชาวอ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
ทั้งคู่ถูกจับกุมบนขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9085 กรุงเทพฯ-ทุ่งสง ต้นทางสถานีรถไฟกรุงเทพฯ ปลายทางสถานีรถไฟทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมยาไอซ์บรรจุถุงชาจีนสีเขียวเหลือง น้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 19 ถุง รวม 19 กิโลกรัม และน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัมอีก 1 ถุง คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 10 ล้านบาท
พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธุ์ ผบก.รฟ. เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนของตำรวจรถไฟสืบทราบว่าจะมีคนลักลอบขนยาเสพติดลงภาคใต้ จึงสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟหัวหิน ขึ้นตรวจค้นขบวนรถเป้าหมาย กระทั่งตรวจค้นจนมาถึงโบกี้ที่ 1 ขณะขบวนกำลังเคลื่อนผ่านสถานีรถไฟหนองแก
พบผู้ต้องหาทั้งสองคนมีกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากสีน้ำเงิน จำนวน 1 ใบ วางอยู่ด้านข้าง และมีกระเป๋าเป้แบบสะพายหลังสีฟ้า อีก 1 ใบ เมื่อผู้ต้องหาเห็นตำรวจได้แสดงอาการพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น
- แถลงจับที่สถานีรถไฟหัวหิน
เมื่อเปิดกระเป๋าเดินทางมีผ้าห่มสีม่วงปิดทับไว้ ภายในพบถุงยาไอซ์ซึ่งซุกซ่อนอยู่ใน ถุงชาปิดทับด้วยถุงพลาสติกสีดำอีกชั้น เกือบ 20 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่
สอบสวนนายเอกพงษ์ รับสารภาพว่า รับจ้างขนยาไอซ์รวมครั้งนี้เป็น 4 ครั้งแล้ว แต่ละครั้งนายจ้างจะนำยาไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เมื่อส่งของเรียบร้อย นายจ้างจะนำเงินมาวางไว้ให้ตามพิกัดที่ตกลงกัน
นายเอกพงษ์แจกแจงการกระทำผิดที่ผ่านมาให้ตำรวจฟังว่า ครั้งแรกไปรับยาที่ย่านนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี จำนวน 4 กิโลกรัม นำไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ค่าจ้าง 3 หมื่นบาท
ครั้งที่ 2 รับของที่ย่านนพวงศ์ จ.ปทุมธานี นำส่งปลายทางที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้ค่าจ้าง 5 หมื่น ครั้งที่ 3 ไปรับของในพื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จำนวน 7 กิโลกรัม ส่ง อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้ค่าจ้างมา 8 หมื่นบาท
- ตรวจสอบยาไอซ์ในกระเป๋า
และล่าสุดครั้งที่ 4 ครั้งนี้ ไปรับของจากนพวงศ์ จ.ปทุมธานี จำนวน 19.5 กิโลกรัม อาศัยช่วงผ่อนปรนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ต้องนำไปส่งที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเสร็จงานจะได้ค่าจ้าง 1 แสนบาท
หวังนำเงินค่าจ้างที่ได้ไปใช้จ่ายช่วงโควิด-19 จึงได้ชวนน้องเมย์ เพื่อนสาวที่สนิทซึ่งทำงานร้านอาหารเดินทางมาด้วยกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว
พล.ต.ต.ปภัชเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีนี้ถือเป็นล็อตใหญ่คดีแรกหลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถไฟได้เพียง 2 วัน หลังจากเปิดให้บริการอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นรายใหญ่
ปัจจุบันราคายาไอซ์ต้นทางอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 1 แสนบาท เมื่อส่งถึงปลายทางราคาจะขยับขึ้นเป็น กิโลกรัมละ 5 แสนบาท
- ล็อกตัวผู้ต้องหา
สำหรับคดีนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปสอบสวนขยายผล และติดตามจับกุมเจ้าของยาไอซ์ ตลอดจนผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้การตำรวจรถไฟย้ำอีกว่า ที่มาผ่านตำรวจรถไฟสืบสวนติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด และลอบขนยาเสพติดด้วยขบวนรถไฟมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสืบค้นจากคดีค้างเก่าและขยายผลผู้ค้ารายใหม่
ไม่ยอมปล่อยให้แก๊งอาชญากรรมมาใช้รถไฟเป็นช่องทางกระทำความผิดเด็ดขาด
