ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย 2ศพสังเวยมรดกเลือด : คอลัมน์สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย – เงินทองไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่พี่น้องที่คลานตามกันมาก็ฆ่าแกงกันได้ คำกล่าวเตือนสติที่มีมาแต่โบราณ แต่ก็ยังเป็นความจริงมาจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์เมื่อเย็นวันที่ 24 พ.ค. ก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี

ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย

ย้อนไปเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 พ.ค. พ.ต.ท.สามารถ กลิ่นเกล้า สว.(สอบสวน) สน.ฉลองกรุง ได้รับ แจ้งเหตุมีผู้ยิงกันเสียชีวิต ภายในซอย สุวินทวงศ์ 28 แยก 17 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชา

ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมพล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3, พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สน.ฉลองกรุง, พ.ต.ท.สุเมธ พิทักษ์เกียรติยศ รองผกก.สส.ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูและอาสาสมัครมูลนิธิร่มไทร

ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย

ที่เกิดเหตุบริเวณถนนพบศพนายวีระชัย มุสตอฟาดี อายุ 37 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ศีรษะ 1 นัด ห่างออกมาประมาณ 50 เมตร บริเวณหน้าสนามหญ้าหน้าบ้านพักพบศพนายศรายุทธ มุสตอฟาดี อายุ 39 ปี ถูกยิงจำนวน 2 นัด เข้าที่หน้าผากและชายโครงขวาโดยผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน

สอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายเสรี มุสตอฟาดี อายุ 45 ปี พี่ชายคนโต โดยปมสาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องของมรดก ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายศรายุทธ ซึ่งเป็นพี่ชายคนที่ 3 กับนายวีระชัย น้องชายคนที่ 4 มาหานายเสรีที่บ้าน เพื่อพูดคุยเจรจากับพี่ชายคนโต เรื่องทรัพย์สินมรดกและรถกระบะที่เจ้าตัวยึดเอาไว้ใช้ส่วนตัว หลังจากก่อนหน้านี้เคยทะเลาะมีปากเสียงกันมาแล้วหลายครั้ง

ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย

ครั้งนี้ก็ยังตกลงกันไม่ได้อีกแถมยังทะเลาะกันรุนแรง ก่อนที่นายเสรี จะคว้าอาวุธปืนมายิงใส่น้องทั้งสองคนจนเสียชีวิต และขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ตำรวจใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานไม่นาน วันรุ่งขึ้นก็รีบไปขอศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติหมายจับ นายเสรี ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” “ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

กระทั่งเที่ยงวันที่ 26 พ.ค. หลังถูกเจ้าหน้าที่กดดันหนัก นายเสรี พี่ชายปืนโหดก็ประสานญาติพาเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รองผบก.น.3 พร้อมให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.รัฐศักดิ์เผยหลังจากการสอบสวนผู้ต้องหาว่า เจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนทั้ง 2 จริงสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องมรดกของบิดาและเรื่องผู้จัดการมรดกที่ยังตกลงกันไม่ได้ จนเกิดมีปากเสียงกัน ตัวผู้ต้องหาจึงตัดสินใจใช้ปืนลูกโม่ขยาด .38 ซึ่งเป็นปืนมรดกจากบิดายิงเข้าใส่น้องทั้ง 2 คนจนเสียชีวิต

ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย

หลังก่อเหตุแล้วก็ขับขี่รถจยย. หลบหนีไปอยู่ที่ซากรถเก่าย่านคู้ขวา และนำรถจยย.ไปจอดไว้ที่สุเหร่า ส่วนอาวุธปืนนั้นผู้ต้องหาอ้างว่าตกระหว่างทางขับรถจยย.หลบหนี ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนบก.น.3 ไล่กล้องวงจรปิดเพื่อหาจุดทิ้งอาวุธปืนของกลางแล้ว

เจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และจะนำตัว ผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสน.ฉลองกรุง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาพ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รองผบก.น.3 พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สน.ฉลองกรุง พ.ต.ท.สุรสิทธิ์ หวังดี รองผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.สุเมธ พิทักษ์เกียรติยศ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สุภาพ เจริญ สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ ร่วมกันนำตัวนายเสรีไปชี้จุดก่อเหตุเพื่อประกอบสำนวน

ย้อนคดีพี่ใหญ่ปืนโหด ทะเลาะไล่ฆ่าน้องชาย

โดยมีบรรดาญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านละแวกใกล้เคียงมายืนรอดูเป็นจำนวนมาก และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวนายเสรีผู้ต้องหาลงจากรถ บรรดาญาติก็ส่งเสียงสาปแช่งด่าทอ ก่อนที่ญาติและเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิตของทั้ง 2 คนจะกรูกันเข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อหวังจะรุมประชาทัณฑ์นายเสรี ที่เดินและมีท่าทางไม่สนใจคำด่าทอ

เกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้นถึงขนาดเจ้าหน้าที่ยังโดนลูกหลงไปด้วย การทำแผนฯ ที่วางไว้แต่แรกจึงต้องยุติลงกลางคัน ก่อนจะรีบพาตัวนายเสรีกลับขึ้นรถตู้และพากลับไปยังสน.ฉลองกรุงทันที
ทรัพย์สินมรดกของบิดา มารดา บุตรทุกคนย่อมมีสิทธิ์โดยเท่าเทียมกัน หากไม่มีความโลภมาครอบงำจิตใจ คดีมรดกเลือดก็จะไม่เกิดขึ้น

อดิษัตย์ พรวนพิมพ์

สมศักดิ์ ชฏารัตน์

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน